ผู้เขียน หัวข้อ: ป.เดินหน้า สางปมดับเสี่ยจืด  (อ่าน 1297 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์
ป.เดินหน้า สางปมดับเสี่ยจืด
« เมื่อ: สิงหาคม 27, 2015, 10:15:31 am »


ชี้พิรุธคำให้การบรรยิน ป้อนข้าว-แม่ได้ประกัน

ป้อนข้าว-อุรชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์สาวพร้อมแม่เดินทางเข้ามอบตัว ที่กองปราบปรามคดีโอนหุ้น “เสี่ยชูวงษ์” ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างได้รับโอนหุ้นโดยเสน่หาอย่างถูกต้อง แต่ไม่ทราบเสี่ยชูวงษ์ใช้ปากกาชนิดลบได้ตาม “บรรยิน” กล่าวอ้างหรือไม่ ยอมรับไม่มีพยานบุคคล แต่มีพยานเอกสาร พร้อมโบ้ยพนักงานบริษัทอีกคนทำเรื่องโอนหุ้น ตำรวจส่งฝากขังศาลทันที แต่ทั้งคู่ใช้หลักทรัพย์คนละ 3 ล้าน ประกันตัวออกไป ส่วนการคลี่ปมการตาย “เสี่ยจืด” แฉพบพิรุธคำให้การของ “บรรยิน” เวลาที่ใช้เดินทางถึงที่เกิดเหตุ ความเร็วของรถและบาดแผลที่ท้ายทอย อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง

คดีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ “เสี่ยจืด” นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างระดับประเทศ รวมทั้งกรณีการโอนหุ้นมูลค่าเกือบ 300 ล้านบาท ให้กับหญิงสาว 2 คน ที่ส่อไปในทางทุจริต ทำให้ญาติผู้ตายเข้าร้องเรียน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เพื่อขอให้รื้อฟื้นคดี จนนำไปสู่การออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องการโอนหุ้น 4 ราย หลังออกหมายจับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ ได้เข้ามอบตัวใช้เงินสด 5 ล้านบาท ประกันตัวชั้นศาลออกไป ส่วน น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาวท้องแก่ น.ส.อุรชา หรือป้อนข้าว วชิรกุลฑล โบรกเกอร์สาว และ น.ส.ศรีธนา พรหมา แม่โบรกเกอร์สาว เตรียมเข้ามอบตัวเช่นกัน ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ความคืบหน้าคดีการโอนหุ้น เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 ส.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) สองแม่ลูกในคดีอื้อฉาว น.ส.ศรีธรา พรหมา อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.561/2558 ลงวันที่ 24 ส.ค.58 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับของโจร และ น.ส.อุรชา หรือป้อนข้าว วชิรกุลฑล อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.562/2558 ลงวันที่ 24 ส.ค.58 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ ปลอมโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน พร้อมด้วยนายเดชา ขุนทอง ทนายความ เข้าพบ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ เกิดเอี่ยม พงส.ผนพ.กก.1 บก.ป. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ศรีธราและ น.ส.อุรชายังคงสวมใส่แว่นตาดำและใช้หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าทันทีที่เดินทางมาถึง โดยมีทนายความมารออยู่ก่อน ทั้งหมดได้เข้าไปยังห้องประชุมเพื่อรอ พนักงานสอบสวน โดยปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชนที่มาเฝ้ารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก ทนายความระบุเพียงสั้นๆว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดใดๆ ขอพบพนักงานสอบสวนก่อน

ขณะที่ น.ส.อุรชากล่าวว่า ขอปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ยืนยันว่าหุ้นที่ได้รับโอนจากนายชูวงษ์ ได้มาโดยสุจริต มีการดำเนินการตามขั้นตอนการโอนหุ้นอย่างถูกต้องทุกอย่าง ตนได้รับการโอนหุ้นดังกล่าวมาโดยเสน่หา ส่วนพยานบุคคลนั้นไม่มี แต่คิดว่าพยานเอกสารมีความสำคัญมากกว่า สำหรับนายชูวงษ์กับ พ.ต.ท.บรรยิน ตนยอมรับว่ารู้จักกับบุคคลทั้งสอง แต่รู้จักกับนายชูวงษ์มาก่อน อย่างไรก็ดี ในส่วนของ พ.ต.ท.บรรยินนั้น ตนรู้จักแต่ไม่ได้มีความสนิทสนมเป็นพิเศษ

เมื่อถามว่า หลังจากถูกศาลออกหมายจับได้ติดต่อ พ.ต.ท.บรรยินบ้างหรือไม่ น.ส.อุรชาปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ส่วนเรื่องหลักทรัพย์ที่ใช้ในการยื่นขอประกันตัวในชั้นสอบสวน ยังตอบไม่ได้เพราะไม่ทราบว่าจะต้องใช้จำนวนเท่าใด ให้ทนายความดำเนินการและเตรียมไว้แล้ว เมื่อถามถึงกรณีปากกาที่นายชูวงษ์ใช้ในการเซ็นเอกสารเกี่ยวกับการโอนหุ้น น.ส.อุรชากล่าวว่า ในส่วนนี้ไม่ทราบว่านายชูวงษ์ ใช้ปากกาชนิดใด เนื่องจากตนได้ตรวจสอบเพียงความสมบูรณ์ของข้อความและลายเซ็นในเอกสารเท่านั้น ไม่สามารถบอกได้ว่านายชูวงษ์ใช้ปากกาชนิดใด เป็นชนิดที่ลบได้หรือไม่ ต่อข้อถามถึงกรณีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ว่าเป็นผู้ดำเนินการเองหรือไม่ น.ส.อุรชาปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวเพียงว่า ตนเป็นพนักงานบริษัทหลักทรัพย์เออีซี จำกัด และการโอนหุ้นดังกล่าว มีพนักงานของบริษัทอีกคนหนึ่งเป็นผู้ดำเนินการ

ด้าน พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ป. กล่าวว่า เมื่อ น.ส.ศรีธราและ น.ส.อุรชา ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรเป็นสิทธิที่จะสามารถให้การได้ ส่วนการพิจารณาการให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวนที่จะพิจารณาดำเนินการ

ต่อมาเวลา 09.45 น. พนักงานสอบสวนได้นำตัว น.ส.อุรชามาพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติอาชญากร ตามขั้นตอนการสอบสวนดำเนินคดี ที่บริเวณด้านหน้าห้องขัง บก.ป. หลังเสร็จสิ้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวโบรกเกอร์สาวเข้าไปควบคุมตัวภายในห้องขัง จากนั้นได้นำตัว น.ส.ศรีธรา ผู้เป็นมารดามาพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติอาชญากรที่บริเวณหน้าห้องขังและเอาตัวเข้าห้องขังเช่นกัน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในระหว่างการสอบปากคำ น.ส.ศรีธรามีน้ำตาคลอเบ้า สีหน้าเศร้าหมอง ส่วน น.ส.อุรชาในระหว่างที่คุมตัวอยู่ในห้องขัง มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด และได้ขอน้ำดื่มที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้ด้วย

ภายหลังสอบปากคำเสร็จสิ้นนานกว่า 3 ชั่วโมง พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1.บก.ป. ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.บุญทิวา ลิ้มศิริรัตน์ พงส.ผนก.กก.1.บก.ป.ควบคุมตัว น.ส.ศรีธรา และ น.ส.อุรชา ขึ้นรถตู้เพื่อไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อผัดฟ้องฝากขังครั้งแรกมีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.-6 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาทั้งสองปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชนที่เฝ้ารอทำข่าว ขณะที่ทนายความของผู้ต้องหาได้เตรียมยื่นเรื่องขอประกันตัวในชั้นศาล

รายงานข่าวแจ้งว่า ในท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเกรงว่าหากได้รับการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองอาจจะหลบหนี และคดีดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหายสูง ส่วน น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาวผู้ต้องหาในคดีนี้ที่ยังไม่ได้เดินทางเข้ามามอบตัวนั้น มีรายงานว่าทนายความ น.ส.กัญฐณาได้ติดต่อที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อขอเข้ามอบตัว วันที่ 27 ส.ค. เวลา 09.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายเดชา ขุนทอง ทนายความ น.ส.อุรชาโบรกเกอร์สาว และ น.ส.ศรีธรา พรหมา แม่โบรกเกอร์สาว ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เพื่อขอประกันตัวต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ หลังเดินทางเข้ามอบตัว และพนักงานสอบสวนคุมตัวไปฝากขังที่ศาล โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองตีหลักทรัพย์คนละ 3 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามผู้ต้องหาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานในคดี และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล

ในส่วนการคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ หลังจากมีการโอนคดีมาให้กองบังคับการปราบปรามเป็นผู้รับผิดชอบ โดย พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. เป็นผู้รับมอบให้ทำคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์นั้น เบื้องต้นมีรายงานว่าทีมสืบสวนได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐาน พยานแวดล้อมต่างๆในคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ กระทั่งพบความผิดปกติและพิรุธในสาเหตุการเสียชีวิตอยู่ 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย ประการแรก คำให้การของ พ.ต.ท.บรรยิน ขัดกับข้อเท็จจริงในเรื่องของเวลาการเกิดเหตุ เพราะจุดเกิดเหตุน่าจะใช้เวลาเดินทางมาจากสนามกอล์ฟเลกวู้ดไม่เกิน 30 นาที แต่หากนับเวลาตามคำให้การของ พ.ต.ท.บรรยินที่ทั้งคู่ออกจากสนามกอล์ฟมาจนถึงจุดเกิดเหตุนั้นได้ใช้เวลาถึง 1.30 ชั่วโมง

ประการที่สอง กองพิสูจน์หลักฐานพบว่ารถยนต์ที่ พ.ต.ท.บรรยิน ใช้ขับในคืนเกิดเหตุ ทางกองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า ก่อนถึงจุดเกิดเหตุ 900 เมตร รถคันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็วจุดสุดท้ายเพียง 38 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตได้

ขัดกับคำให้การของ พ.ต.ท.บรรยินว่าขับมาความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประการสุดท้ายผลการตรวจสอบสภาพรถพบว่าเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่การตรวจสภาพศพของสถาบันนิติเวชพบว่าร่องรอยของบาดแผลและสาเหตุของการเสียชีวิตแม้ว่าอาจจะเกิดจากอุบัติเหตุรถยนต์ได้ แต่อาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นด้วยก็เป็นได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ทีมสืบสวนได้ตั้งข้อสังเกตว่า บริเวณท้ายทอยด้านหลังมีร่องรอยฟกซ้ำ ประกอบกับมีแรงดันและเลือดที่บริเวณดวงตา ซึ่งอยู่ระหว่างวิเคราะห์การตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดอีกครั้ง





ที่มา http://www.thairath.co.th/