ผู้เขียน หัวข้อ: รู้ตัวมือปืนปริศนา คนสีกากี ลั่นไกเจาะนร.หญิง  (อ่าน 833 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์


พยานหลักฐานยันหุ่นลํ่าบึ้ก ชุดปราบยาฯบก.น.3ยิงจยย. เหยื่อปลอดภัยรอผ่ากระสุน

พยานระบุเห็นมือปืนนักกล้ามคือเจ้าของกระสุนปริศนา ส่อเค้าซ้ำรอยเดิมเป็นตำรวจชุดปราบยาเสพติดนครบาล ทะเลาะกับคนขี่รถ จยย.ย้อนศรบนถนนสวนสยาม ฉุนจัดชักปืนยิงไป 1 นัด แต่พลาดเป้าโดน “น้องวาว” นักเรียนชั้น ม.ปลาย โรงเรียนบดินทรเดชา 2 ขณะนั่งรถเก๋งกลับบ้านกับแม่ ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้วรอแพทย์ผ่าตัดลูกปืนที่ฝังในออก วอนตำรวจจับให้ได้เพราะไม่อยากเห็นคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตกเป็นเหยื่ออีก รรท.น.1 แย้มเตรียมเอาตัวมาแถลงข่าวระบุไม่มีวิชาแพะแน่นอน

กรณี น.ส.อานัตตา หรือน้องวาว สงรัตน์ อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 2 ถูกกระสุนปืนปริศนายิงเข้าที่ไหล่ขวาได้รับบาดเจ็บ นำส่ง รพ.นพรัตน์ราชธานี ก่อนเกิดเหตุ นางฐิติยา สงรัตน์ อายุ 48 ปี ขับรถเก๋งมิตซูบิชิแลนเซอร์ สีขาว ทะเบียน กฉ 4255 จันทบุรี ไปรับน้องวาวลูกสาว จากสถานที่เรียนพิเศษแห่งหนึ่งย่านถนนสวนสยาม ตอนเวลา 19.00 น. วันที่ 7 ต.ค. ขณะกำลังขับรถกลับบ้านย่านมีนบุรี ระหว่างเลี้ยวรถเข้าถนนรามอินทรา กระสุนปืนลูกโดดก็เจาะเข้ามาที่กระจกหน้ารถโดนลูกที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ โดยที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 ต.ค. พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.สุเทพ ชนะสิทธิ์ ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.อ.สุวิชชา จินดาคำ ผกก.สน.บางชัน พร้อมพนักงานสอบสวน สน.บางชัน และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง นำรถเก๋งคันเกิดเหตุไปตรวจสอบหาวิถีกระสุนปืน และจำลองเหตุการณ์ บริเวณจุดเกิดเหตุบนถนนสวนสยาม ห่างจากปากซอยสวนสยาม 6 ประมาณ 10 เมตร เนื่องจากชุดสืบสวนพบปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม. 1 ปลอก ตกอยู่ที่ริมฟุตปาทหน้าปากซอยดังกล่าว เจ้าหน้าที่เก็บปลอกกระสุนไว้เป็นหลักฐาน และตรวจหาดีเอ็นเอคนร้าย

พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ รอง ผบก.น.4 กล่าวว่า ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น 4 และสืบสวน สน.บางชัน ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และประสานงานเจ้าหน้าที่ พฐ.กลาง เพื่อตรวจสอบร่องรอยวิถีกระสุน และหาวัตถุพยานเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่ พฐ.กลางได้นำเครื่องมือหาวิถีของแนวกระสุนปืนเป็นเหล็กเส้นมาแยงที่หน้ากระจกรถ โดยนำเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่มีความสูง 160 ซม. เท่ากับน้องวาว นั่งเบาะหน้าซ้าย จำลองวิถีกระสุนที่โดยเหล็กเส้นเสียบทะลุผ่านกระจกเข้าไหล่ขวาตำแหน่งที่ถูกยิง พบว่ากระสุนมาในแนวขนานพื้นถนนพุ่งตรงเข้าหาตัวรถ ซึ่งกระสุนปืนไม่ได้หล่นจากที่สูง ส่วนสาเหตุยังไม่ชัดเจนอาจจะประสงค์ต่อคนอยู่ในรถ หรือเป็นเหตุวัยรุ่นทะเลาะกันแล้วยิงคู่อริกระสุนพลาดเป้าไปโดน ต้องรอสอบปากคำพยานให้ชัดเจนก่อน

มีรายงานว่า สอบถามพยานผู้เห็นเหตุการณ์ ให้เบาะแสว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 5 คน ขับรถกระบะ 1 คัน และรถเก๋ง 1 คัน มาจอดรถริมถนนบริเวณปากซอยสวนสยาม 6 มีชายอายุประมาณ 25-30 ปี ตัวโตล่ำบึ้กรูปร่างเหมือนนักเล่นกล้าม สูงราว 165-170 ซม. จุดสังเกตมีรอยสักที่แขนซ้าย ยืนสูบบุหรี่ท่าทางร้อนรนคล้ายกับมาดักรอคู่อริ จนกระทั่งมีกลุ่มเด็กแว้นขี่ จยย.ผ่านหน้า ชายดังกล่าวยกปืนเล็งยิงใส่กลุ่มเด็กแว้นไป 1 นัด จากนั้นทั้งหมดก็แยกย้ายกันหลบหนีไป ล่าสุดชุดสืบสวนทราบเบาะแสของกลุ่มคนร้ายดังกล่าวแล้ว

ต่อมา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. (ปป.1) พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 นำกระเช้าดอกไม้เข้าเยี่ยม น.ส.อานัตตา หรือน้องวาว ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว น้องวาวกล่าวว่า ขณะเกิดเหตุเห็นกลุ่มวัยรุ่นชายตัดผมเกรียนคล้ายนักเรียนยืนจับกลุ่มกันอยู่ข้างถนน จากนั้นได้ยินเสียงกระจกแตกก็รู้ว่าถูกยิง ตนไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน ใครทำอะไรก็ต้องได้รับผลกรรมตอบแทนแบบนั้น หากเป็นเรื่องนักเรียนตีกันจริงก็อยากให้เลิกทะเลาะกัน เพราะไม่อยากเห็นคนที่บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่ออีก และอยากให้ตำรวจจับคนร้ายได้

พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า เชื่อว่าจะจับคนร้ายได้ในเร็วๆนี้ ได้รายงาน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้ทราบแล้ว ตามปกติการยิงปืนในที่สาธารณะ ผิดกฎหมายอยู่แล้ว ตนสั่งให้ป้องกันและตรวจสอบตามจุดล่อแหลม ท้องที่ สน.บางชัน ก็มีอยู่หลายจุด เรื่องแบบนี้ไม่อยากให้เกิดขึ้นแม้ว่าจับคนร้ายได้ก็ไม่คุ้มค่า อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเหตุก่อนหน้านี้ 1 วัน ไม่พบการแจ้งเหตุนักเรียนทะเลาะวิวาท แต่แนวทางสืบสวนขณะนี้มีความคืบหน้าพอสมควร

ส่วน นพ.อุทัย ตัณศลารักษ์ ผอ.รพ.นพรัตนราชธานี แถลงอาการของน้องวาวว่า ดีขึ้นและพ้นขีดอันตรายแล้ว ผู้บาดเจ็บมีขวัญกำลังใจดี พูดดังฟังชัด จิตใจเข้มแข็งดีมาก มีสติ สภาพแผลโดนกระสุนเจาะเข้าที่เหนือไหปลาร้าขวาทะลุปอด กระสุนไปตุงอยู่ที่ผิวหนังใกล้สะบักหลัง เป็นมุมทแยงจากบนลงล่าง แรงกระสุนได้วิ่งผ่านปอด ทำให้เนื้อเยื่อปอดฉีกขาดมีเลือดออก ต้องใช้ท่อสายยางระบายเลือดออกจากปอด การฟื้นตัวของผนังปอดคาดว่าใช้เวลา 7 วัน เมื่อหายก็อาจมีพังผืด แต่ไม่ผิดปกติกับการดำเนินชีวิตแต่อย่างใด ขณะนี้แพทย์ยังไม่ได้ผ่าเอาหัวกระสุนออก แต่ได้สแกนหาจุดที่กระสุนฝัง เนื่องจากเป็นจุดที่มีเส้นเอ็นและกระดูก เมื่อแผลของปอดหายดี ในระยะเวลา 1 สัปดาห์ จะผ่าตัดเอาหัวกระสุนออก เป็นการผ่าตัดเล็กใช้เพียงยาชาไม่ต้องวางยาสลบ

ด้าน พล.ต.ต.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. กล่าวว่า ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานแน่นหนา รัดกุม ปราศจากข้อสงสัย ไม่มีวิชาแพะ ไม่มีการจับแพะ โดยกระบวนการทั้งหมดในการออกหมายจับ การรวบรวมภาพวงจรปิดต้องเสร็จสิ้นภายในวันที่ 8 ต.ค. จากนั้น วันที่ 9 ต.ค. จะมีการแถลงผลการจับกุม ที่ บช.น.

ตอนค่ำวันเดียวกัน มีรายงานว่า ชุดสืบสวนตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุบันทึกภาพรถยนต์ต้องสงสัยเอาไว้ได้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบกลุ่มผู้ที่ก่อเหตุแล้วมีประมาณ 5 คน และเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดบก.น.3 ทั้งหมดนัดรวมตัวกันหลังจากวางแผนจะจับกุมผู้ค้ายาเสพติด แต่เกิดมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกับคนขี่รถ จยย.ที่ขี่รถย้อนศร จึงชักปืนยิงไล่หลังไป 1 นัด เป็นเหตุให้ “น้องวาว” นั่งอยู่รถเก๋งที่แม่ขับมารับกลับบ้านโดนลูกหลงได้รับบาดเจ็บ โดยผู้ก่อเหตุพร้อมพวกจะเข้ามอบตัวต่อ พล.ต.ต.ศานิตย์ รรท.ผบช.น. ในวันที่ 9 ต.ค. เวลา 10.00 น. ที่ บช.น.




ที่มา http://www.thairath.co.th/