ผู้เขียน หัวข้อ: พม่าเครียดคิดว่าคนตามฆ่าคว้าเชือกผูกคอดับคาห้องเช่า  (อ่าน 845 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์




หนุ่มพม่าเครียดป่วยเป็นโรคหวาดระแวงคิดว่าคนตามฆ่า ใช้เชือกผูกคอตายในห้องเช่า พี่กอดศพร่ำไห้
     เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2560 ร.ต.อ.คเณศ งามประเสริฐ รองสารวัตรเวร สภ.เมือง สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีชายผูกคอเสียชีวิตภายในห้องเช่าพักไม่มีชื่อเลขที่ ภายในซอยสายลวด 10 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนมูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการเดินทางเข้าตรวจสอบ

     ที่เกิดเหตุพบเป็นห้องเช่า 2 ชั้น ห้องที่เกิดเหตุอยู่บริเวณชั้น 2 ห้องที่ 2 ได้พบร่างของนายซอ เอ ทิน อายุ 41 ปี สัญชาติพม่า นอนเสียชีวิตอยู่กับพื้น ที่ลำคอมีรอยถูกรัดจนเป็นลอยเขียวช้ำคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง โดยมีนายซอ อาดี อายุ 47 ปี พี่ชายของผู้ตายนั่งร้องไห้อยู่ข้างศพ ตรวจสอบที่บริเวณหน้าห้องน้ำพบเชือกไนล่อนสีเขียวเหลือง ที่มีรอยถูกตัดด้วยของมีคมวางอยู่ และจากการตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องลอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด จึงได้มอบศพให้มูลนิธินำส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช

    จากการสอบถามนายซอ อาดี พี่ชายผู้ตาย ได้เล่าว่า ผู้ตายมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างมีคนงานอยู่ประมาณ 10 คน มาระยะหลังงานก่อสร้างเริ่มน้อยลงทำให้ผู้ตายคิดมากและมีอาการหวาดระแวงว่าจะมีคนมารอบทำร้ายบ้าง มีตำรวจจะมาจับบ้าง ซึ่งมีลักษณ์คล้ายคนเมายาบ้า แต่ผู้ตายไม่เคยเสพยาบ้า แม้กระทั่งเหล้าและบุหรี่ผู้ตายก็ไม่แตะต้อง และเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมาอาการหวาดระแวงของผู้ตายเริ่มรุนแรงขึ้น มีอาการหวาดระแวงตลอดเวลา และมักจะขังตัวเองอยู่ในห้องตลอดเวลาเกรงว่าจะมีคนมาทำร้าย ทั้ง ๆ ที่พยายามบอกว่าไม่มีอะไร แต่ผู้ตายไม่ฟัง ทำให้ต้องโทรศัพท์มาพูดคุยกับผู้ตายอยู่เป็นประจำทุกวันทั้งเช้าและเย็น

    กระทั่งเมื่อช่วงเช้าได้โทรศัพท์หาผู้ตายอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีใครรับสาย จึงเดินทางมาจากที่ทำงานย่านชิดลม พอเดินทางมาถึงได้พบว่า ประตูห้องล๊อกจากด้านใน จึงพยายามเคาะเรียกผู้ตายอยู่นาน แต่ไม่มีเสียงตอบเกรงว่าจะเกิดเหตุร้าย จึงลงมาตามเจ้าของห้องเช่าและพังประตูเข้าไปได้พบว่า ผู้ตายใช้เชือกผูกคอตัวเองตายอยู่กับช่องลมในห้องน้ำ ด้วยความตกใจจึงได้ปีนขึ้นไปใช้มีดตัดเชือกจนขาดและพาร่างผู้ตายออกมานอนอยู่ข้างที่นอนก่อนโทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ






ที่มา:http://www.komchadluek.net/