ผู้เขียน หัวข้อ: หมายเรียก'ร.อ.'พัวพัน'ผอ.สาว' เร่งคลี่ปมหายตัวปริศนา..  (อ่าน 912 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์
ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ออกหมายเรียกทหารยศ ร.อ. พัวพันคดี "ผอ.อ้อย" หายตัวปริศนานานเดือนเศษ หลังตรวจสอบพบอยู่ด้วยกันตั้งแต่หายตัวไปในหลายพื้นที่ภาคอีสาน...

จากกรณีที่ น.ส.จุฑารัตน์ หรืออ้อย อุ่นอ่อน อายุ 37 ปี ผอ.กองการศึกษา อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หายตัวปริศนาพร้อมรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีเทา ทะเบียน กษ 8201 เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา เป็นเวลานานกว่า 1 เดือนแล้ว หลังส่ง "น้องใบเฟิร์น" บุตรสาว วัย 8 ขวบไปโรงเรียน กระทั่ง นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน อายุ 62 ปี บิดา ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.บึงมะลู จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 20 ก.ค. และร้องเรียนกับสื่อมวลชนให้ช่วยติดตามคดี ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 10 ส.ค. พ.ต.ท.สังวร วันทะวี สว.สอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ได้นำหมายเรียกผู้ต้องหาไปส่งให้นายทหารพระธรรมนูญ ที่กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ให้ควบคุมตัว ร.อ.ศุภชัย ภาโส ผู้บังคับกองร้อยที่ 112 ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 (ผบ.ร้อย.112ฉก.1) กองกำลังสุรนารี ซึ่งประจำการอยู่ที่เทือกเขาพนมดงรัก ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร ไปพบพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 11 ส.ค.นี้ เวลา 13.30 น. ในข้อหา “กักขังหน่วงเหนี่ยว ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายฯ”...





ทั้งนี้ เนื่องจากแนวทางการสืบสวนทางเทคนิคพบว่า ผอ.อ้อย กับ ร.อ.ศุภชัย อยู่ด้วยกันตั้งแต่วันที่หายตัวไปในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ก่อนจะตรวจสอบไม่ได้ในวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนยังได้เดินทางไปที่อู่ซ่อมรถไม่มีชื่อ เลขที่ 123 หมู่ 12 บ้านหนองก๋าย ต.หัวเรืออ.เมือง จ.อุบลราชธานี ทำการตรวจยึดอายัดรถเก๋งของ ผอ.อ้อย ซึ่งถูกนำมาทำสีใหม่ที่อู่ดังกล่าว พร้อมนำของกลางไปเก็บรักษาที่ สภ.กันทรลักษ์ โดย นายบุญชู ศิรินนท์ อายุ 47 ปี เจ้าของอู่อ้างว่า “เสี่ย ต.” ซึ่งประกอบธุรกิจเต็นท์รถมือสองอยู่ที่ปากทางหมู่บ้านว่าจ้างให้ทำสีใหม่ จากนั้นเมื่อไปสอบถาม “เสี่ย ต.” ให้การว่า ได้ซื้อรถเก๋งคันดังกล่าวมาโดยถูกต้องตามกฎหมาย ในราคากว่า 2 แสนบาท เมื่อพบว่าสีเดิมนั้นค่อนข้างโป๊วหนา อาจทำให้ราคาตกและขายต่อได้ยากจึงได้นำมาทำสีใหม่ ให้ดูเรียบเนียนและใช้สีเทาเหมือนเดิม ในราคา 15,000 บาท โดยไม่ได้มีเจตนาที่จะเปลี่ยนแปลงสีรถแต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่ระแคะระคายมาก่อนว่าเป็นรถที่มีปัญหาเพราะเอกสารการซื้อขาย และเอกสารการโอนลอยไม่มีอะไรที่ผิดปกติหรือน่าสงสัย และก่อนจะโอนมาถึงตนก็เป็นทอดที่ 3 แล้ว กระทั่งตำรวจตามมาตรวจยึด.   


ที่มา : https://www.dailynews.co.th/crime/591042