ผู้เขียน หัวข้อ: รัฐบาล ทุ่ม 1,500 ล้านบาท สำหรับจัดซื้อ ยา เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ สู้โควิด-19  (อ่าน 1128 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์




          ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้องค์การเภสัชกรรมจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ จากงบกลาง 1,500 ล้านบาทที่รัฐบาลจัดสรร ส่งให้โรงพยาบาลทุกสังกัดและเอกชน ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

          บ่ายวันนี้ (27 มีนาคม 2563) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้สนับสนุนงบประมาณ 1,500 ล้านบาท ให้กระทรวงสาธารณสุข จัดหายาที่จำเป็น เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยให้องค์การเภสัชกรรมจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ อาทิ ยาฟาวิราเวียร์ (Favilavir) ซึ่งเป็นยามาตรฐานที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรง จำนวน 340,000 เม็ด รักษาได้ประมาณ 6,000 คน หน้ากาก N95 จำนวน 2 ล้านชิ้น ชุดPPE. จำนวน 2 ล้านชุด รวมถึงยาที่แพทย์กำหนดไว้ในแนวทางให้การรักษา เช่น ยาไฮดรอกซีคลอโรควิน (hydroxychloroquine) ยาต้านไวรัสเอดส์ดารุนาเวียร์ (Darunavir) ยาอะซิโธรมัยซิน (Azithromycin)

นายแพทย์สุขุมกล่าวต่อว่า การกระจายยาและเวชภัณฑ์ จะบริหารจัดการจัดสรรผ่านศูนย์ปฏิบัติการกระจายเวชภัณฑ์ในภาวะโควิด-19 ที่มีองค์การเภสัชกรรม (อภ.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับผิดชอบจัดส่งให้โรงพยาบาลภาครัฐทุกสังกัด ทั้งกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัย สภากาชาดไทย กรุงเทพมหานคร ตำรวจ ทหาร และโรงพยาบาลเอกชนที่ให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยเบิกจ่ายจากศูนย์ปฏิบัติการกระจายเวชภัณฑ์ฯ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ขอให้โรงพยาบาลแจ้งความต้องการที่ศูนย์ปฏิบัติการกระจายเวชภัณฑ์ ฯ เพื่อให้บุคลากรในโรงพยาบาลทุกแห่งมีอุปกรณ์ในการป้องกันตนเอง และยารักษาผู้ป่วยอย่างเพียงพอ

         สำหรับหน้ากากอนามัย (Surgical Mask) จากการประสานกระทรวงพาณิชย์ได้รับการจัดสรรให้ระบบสาธารณสุขเพิ่มเป็น 1.5 ล้านชิ้นต่อวัน จากเดิม 1 ล้านชิ้นต่อวัน เพื่อให้เพียงพอสำหรับแพทย์ พยาบาล และบุคลากรที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย เช่น พนักงานเปล แม่บ้าน รวมทั้งอาสาสมัครสาธารณสุขที่ต้องออกติดตามดูแลผู้กักกันตนเองที่บ้าน

         “กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามกลุ่มเสี่ยงจากต่างประเทศ จากกทม.กลับต่างจังหวัด และผู้สัมผัสจากสถานที่เสี่ยง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรค สิ่งสำคัญที่สุดในวันนี้คือขอให้ประชาชนไม่เดินทางออกจากพื้นที่ เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) งดกิจกรรมรวมกลุ่ม สังสรรค์ ร่วมสู้โควิด-19 ไปด้วยกัน” นายแพทย์สุขุมกล่าว

ที่มา...https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/04/140527/