ผู้เขียน หัวข้อ: ชาวบ้านผิดสังเกต น้ำล้นลำรางทั้งที่เป็นหน้าแล้ง ตามหาจนพบปลายท่อน้ำเสียโรงงาน  (อ่าน 201 ครั้ง)

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 2325
    • อีเมล์



น้ำไหลบ่า ปริ่มลำรางสาธารณะกลางฤดูแล้ง ชาวบ้านเดินตามหาต้นตอแหล่งที่มา ผงะพบปลายท่อแอบฝังโผล่ออกมาจากโรงงานปล่อยทิ้งน้ำเสียลงสู่ลำคลองสาธารณะแควระบม ต้นทุนน้ำดื่มกินของชาวแปดริ้ว ก่อนแจ้งหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ พบมีท่อโผล่ออกมาจริงแต่ผู้บริหารบ่ายเบี่ยงกลางที่ประชุม ทั้งที่หัวหน้าส่วนราชการมาเห็นเองด้วยตา

วันที่ 16 ม.ค.64 เวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ได้มีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ประกอบด้วยทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ฉะเชิงเทรา อุตสาหกรรม จ.ฉะเชิงเทรา ฝ่ายปกครอง อ.พนมสารคาม กำนันตำบลเขาหินซ้อน และผู้ช่วยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.เขาหินซ้อน ได้เดินทางเข้าตรวจสอบทางน้ำ บริเวณลำรางทดตารัตน์ ที่เชื่อมผ่านเส้นทางน้ำจากในหมู่บ้านลงสู่คลองแควระบม ก่อนไหลลงสู่ลำคลองท่าลาดแหล่งต้นทุนน้ำบางปะกง

หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา (15 ม.ค.64) ว่า มีโรงงานอุตสาหกรรมผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังแห่งหนึ่ง แอบลักลอบปล่อยน้ำเสียลงสู่ลำรางสาธารณะ โดยมีชาวบ้านผ่านมาพบเห็นและถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้ ตั้งแต่เมื่อช่วงสายของวันที่ 15 ม.ค.64 และได้มีการแจ้งเบาะแสไปยังหน่วยงานราชการต่างๆ ทีเกี่ยวข้องให้รับทราบ

จากนั้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสรายุทธ แก้วกุลปรีชา รองผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา ได้สั่งการให้ นางภูสิน เภตานนต์ ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยอุตสาหกรรมจังหวัด และหน่วยงานปกครองในท้องที่ รวมถึง อบต.เขาหินซ้อน ให้เดินทางเข้าไปทำการตรวจสอบตามเส้นทางน้ำตามที่ได้รับการร้องเรียนดังกล่าว

จากนั้นคณะเจ้าหน้าที่จึงได้เริ่มออกเดินเท้าลัดเลาะไปตามทางน้ำ ซึ่งเป็นลำรางสาธารณะ ตั้งแต่เมื่อช่วงเวลา 13.00 น.ไปจนถึงยังที่บริเวณด้านหลังของโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังแห่งหนึ่ง ในเวลา 15.00 น. รวมระยะทางกว่า 2 กม. จนเห็นว่าโรงงานแห่งดังกล่าวนี้ได้มีการต่อท่อพีวีซีขนาดใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 นิ้ว ออกมาจากบ่อเก็บน้ำเสียบ่อที่ 9 จากทั้งหมด 10 บ่อของทางโรงงาน

และยังพบร่องรอยของการปล่อยน้ำเสียออกมาจากปลายท่อ แต่ผู้ประกอบการได้ไหวตัวทัน ก่อนที่คณะของเจ้าหน้าที่จะเดินทางมาถึงยังที่บริเวณดังกล่าว จึงได้มีการปิดวาล์วระบายน้ำไปก่อนหน้าแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีการเก็บตัวอย่างน้ำในบริเวณดังกล่าวไว้ไปทำการตรวจสอบ

ขณะเดียวกันยังพบว่ามีท่อพีวีซีขนาด 6 นิ้วอีก 1 เส้น ที่มีการเชื่อมต่อออกมาจากบ่อเก็บน้ำเสียและมีปลายท่อออกมาสู่ลำรางสาธารณะเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้มีร่องรอยของการเปิดวาล์วระบายเอาไว้ จากนั้น นางภูสิน จึงได้ประสานไปยัง นายยุทธนา ตันวงศ์วาล นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 13 จ.ชลบุรี  และนายธานี จารุนัฎ ผอ.ศูนย์ควบคุมมลพิษ จ.ระยอง ให้เดินทางเข้ามาเก็บตัวอย่างน้ำไปทำการตรวจสอบ

ก่อนที่จะมีการประชุมร่วมกันของคณะเจ้าหน้าที่ และผู้บริหารของสถานประกอบการดังกล่าวในเวลา 16.00 น. และเลิกประชุมในเวลาประมาณ 17.30 น. จากนั้นคณะของเจ้าหน้าที่ซึ่งประกอบด้วยสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 13 จ.ชลบุรี ศูนย์ควบคุมมลพิษ จ.ระยอง ผู้นำท้องถิ่น ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ฉะเชิงเทรา จึงได้พากันเดินทางไปเก็บตัวอย่างน้ำตามจุดต่างๆโดยรอบพื้นที่หลายแห่ง

ทั้งที่บริเวณภายในลำรางสาธารณะ ปากท่อระบายน้ำระหว่างแปลงที่ดินของผู้ประกอบการรายนี้ซึ่งมีเนื้อเกือบ 1 พันไร่ที่ติดกับแนวของคลองระบม และมีการต่อท่อขนาดประมาณ 4 นิ้วระบายน้ำทิ้งลงสู่คลองไว้ และเก็บตัวอย่างน้ำจากลุ่มน้ำทางตอนบน เหนือที่ตั้งโรงงาน เก็บน้ำในคลองระบมบริเวณใต้ที่ตั้งของโรงงาน เพื่อนำน้ำขึ้นมาตรวจสอบวัดองค์ประกอบ และค่าเคมีทางวิทยาศาสตร์ในน้ำ

และยังได้เก็บนำตัวอย่างน้ำไปวิเคราะห์อย่างละเอียดอีกครั้ง ยังภายในห้องแล็บ จนกระทั่งถึงเวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่จึงสามารถเก็บตัวอย่างน้ำได้ครบทุกจุด โดยที่ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามต่อนางภูสิน ผอ.ทส.ฉะเชิงเทรา ถึงการเดินทางมาทำการตรวจสอบในวันนี้ ว่าพบความผิดปกติอย่างไรบ้าง แต่ได้รับการปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าว

แต่ได้ให้ข้อมูลต่อผู้สื่อข่าวว่า หลังได้รับคำสั่งจากทางรองผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จึงได้ลงพื้นที่เข้ามาตรวจสอบตามคำร้องเรียนของชาวบ้าน โดยมาด้วยกันหลายหน่วยงาน เพื่อมาเดินไล่หาแหล่งต้นตอที่มาของน้ำเสียที่ถูกปล่อยออกมาตามเส้นทางน้ำในลำรางสาธารณะ จนไปพบว่ามีปลายท่อดังกล่าวโผล่ออกมาจากภายในโรงงานแห่งนี้ ซึ่งครั้งแรกทางผู้บริหารของโรงงานแห่งนี้ปฏิเสธ

แต่ภายหลังได้ยอมรับว่า มีปลายท่อต่อเชื่อมออกไปจากบ่อเก็บน้ำเสียบ่อที่ 9 จริง แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำการเปิดระบายน้ำออก ส่วนน้ำที่ไหลออกไปยังลำรางสาธารณะภายนอกนั้นอาจจะมีคนงานไปโดนจนแผ่นไม้กระดานที่ปิดไปเลื่อนหลุดออกไป จึงทำให้น้ำไหลออกไปยังภายนอก และได้อ้างว่าจะขอทำการสอบสวนหาสาเหตุภายในเองก่อน ส่วนผลการเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจหาสิ่งเจือปนนั้น จะทราบผลภายในอีก 3 สัปดาห์     

ขณะที่พระปลัดอาทร ปัญญาปทีโป อายุ 35 พรรษา 11 เจ้าอาวาสวัดท่าไม้แดง (แหลมเขาจันทร์) กล่าวว่า เมื่อช่วงสายวานนี้ได้มีชาวบ้านผ่านมาพบว่า ในลำธารมีน้ำเอ่อล้นไหลออกมาจนเกือบเต็มลำราง ทั้งที่เป็นช่วงฤดูแล้ว จึงเกิดความสงสัยทั้งน้ำยังมีกลิ่นเหม็น จากนั้นได้ถ่ายคลิปวีดีโอไว้ ก่อนที่จะส่งมาให้อาตมาดู จึงได้ส่งต่อไปให้ยังทางปลัดอำเภอพนมสารคาม และมีการแจ้งไปยังทางจังหวัดให้ทราบดังกล่าว เพื่อขอให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำการตรวจสอบ และค้นหาต้นต่อของน้ำเสียที่ไหลออกมาในลำรางสาธารณะแห่งนี้ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบต้นทุนของคลองระบม และคลองท่าลาด ก่อนไหลไปสู่แม่น้ำบางปะกง และน้ำในคลองท่าลาดยังเป็นแหล่งน้ำที่ถูกใช้นำไปผลิตประปาให้แก่คนใน จ.ฉะเชิงเทรา หลายอำเภออีกด้วย


ที่มา...https://www.sanook.com/news/8339094/