กรมการแพทย์เตือนผู้ป่วยเบาหวานตรวจจอประสาทตาลดเสี่ยงตาบอด
อธิบดีกรมการแพทย์เผยพบผู้ป่วยเบาหวานร้อยละ 20 เป็นโรคเบาหวานเข้าจอประสาทตา แนะควบคุมระดับน้ำตาล ความดันโลหิตและไขมัน ชี้ตรวจตาอย่างน้อย ปีละ 1ครั้ง ลดเสี่ยงตาบอด
นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลกและสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ ได้กําหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันเบาหวานโลก ซึ่งในปี 2556 กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และศูนย์เบาหวานศิริราช จัดกิจกรรมรณรงค์งานวันเบาหวานโลกพร้อมกันทั่วประเทศ สำหรับในปีนี้ได้กำหนดประเด็นรณรงค์ คือ “การให้ความรู้และการป้องกันโรคเบาหวาน” และได้กําหนดคําขวัญที่ใช้ในการรณรงค์ คือ “พิทักษ์อนาคตไทย พ้นภัยเบาหวาน” ปัจจุบันโรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังซึ่งเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สําคัญ ในศตวรรษที่ 21 พบผู้ป่วยโรคเบาหวานทั่วโลก 371 ล้านคน และคาดว่าปี พ.ศ.2573 จะมีผู้ป่วยโรคเบาหวานถึง 500 ล้านคน สําหรับประเทศไทย ปี 2555 พบผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวานทั้งหมด 7,749 คน หรือเฉลี่ยวันละ 22 คน คิดเป็นอัตราตายด้วยโรคเบาหวาน 12.06 ต่อแสนประชากร และมีผู้ป่วยโรคเบาหวานเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จํานวน 674,826 ครั้ง คิดเป็นอัตราป่วย ด้วยโรคเบาหวาน เท่ากับ 1,050.05 ต่อแสนประชากร เนื่องจากสภาวะความเป็นอยู่และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ทําให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีจํานวนเพิ่มมากขึ้น
ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักพบภาวะแทรกซ้อนตามระบบและอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ได้แก่ หลอดเลือดสมองและหัวใจ ตา ไต และเท้า ดังนั้น การตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาและวินิจฉัยภาวะแทรกซ้อนต่างๆ จากโรคเบาหวาน จึงเป็นงานที่สำคัญอย่างยิ่ง ในการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานตั้งแต่ระยะแรกก่อนที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง จนเป็นเหตุให้ผู้ป่วยสูญเสียอวัยวะหรือเสียชีวิต ซึ่งภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญจากโรคเบาหวานที่ผู้ป่วยควรจะได้รับการตรวจคัดกรอง คือ โรคเบาหวานเข้าจอประสาทตา เป็นสาเหตุของการสูญเสียการมองเห็นเป็นอันดับสองรองจากต้อกระจก โดยเฉลี่ยพบว่าโรคเบาหวานเข้าจอประสาทตาเกิดขึ้นประมาณร้อยละ 20 ของผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมาเป็นระยะเวลา 15 ปีจะพบว่าเป็นโรคเบาหวานเข้าจอประสาทตาได้ถึงร้อยละ 80 โดยผู้ป่วยประมาณร้อยละ 2 มีภาวะตาบอด และร้อยละ 10 เกิดการสูญเสียการมองเห็นขั้นรุนแรง เนื่องจากผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานทำให้เกิดความผิดปกติของหลอดเลือดในจอตา
อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคเบาหวานเข้าจอประสาทตาสามารถป้องกันได้ ถ้าวินิจฉัยได้เร็ว ดังนั้น ผู้ป่วยเบาหวานจำเป็นต้องได้รับการตรวจตาเป็นระยะ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้น ตามความรุนแรงของภาวะเบาหวานขึ้นจอตา และควรรีบไปพบจักษุแพทย์ทันทีที่มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็น ผู้ป่วยจะต้องควบคุมระดับน้ำตาล ความดันโลหิต และไขมัน ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด
แหล่งข่าวโดย » กรมการแพท