ผู้เขียน หัวข้อ: แพทย์ เตือนอากาศหนาว พ่อ-แม่ ลูกอ่อนระวัง “โคลด์ สเตรส” รุนแรงขั้นเสียชีวิต  (อ่าน 938 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์
แพทย์ เตือนอากาศหนาว พ่อ-แม่ ลูกอ่อนระวัง “โคลด์ สเตรส” รุนแรงขั้นเสียชีวิต


 

        ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เตือนภัยหนาวเย็น ให้พ่อแม่ระวังลูกอ่อนเป็นโคลด์ สเตรส อุณหภูมิร่างกายต่ำ เสี่ยงอวัยวะสำคัญ เช่น สมอง หัวใจ ขาดเลือดไปเลี้ยง มีอันตรายถึงชีวิตได้ แนะวิธีสังเกตสัญญาณเตือน เด็กร้องและดิ้น ตัวเย็น ผิวลายเป็นวงแดง มือเท้าเย็น นิ้วมือนิ้วเท้าซีดเขียว การป้องกันให้เด็กสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว เสื้อกันหนาว สวมหมวกไหมพรม ถุงเท้า และห่มผ้าหนาๆ เวลานอน อย่าให้เด็กนอนใกล้ประตูหน้าต่าง ที่มีลมโกรก อาบน้ำอุ่นช่วงสาย วันละครั้ง ทาโลชั่นป้องกันผิวแห้งแตก ให้กินนมแม่เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานโรคโดยตรง
 
          นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้ ประเทศไทยหนาวเย็นกว่าปีที่ผ่านมา ในเดือนมกราคมนี้มีรายงานเด็กอ่อนอายุต่ำกว่า 1 เดือนเสียชีวิตจากอากาศหนาวเย็นแล้ว 2 ราย ที่จ.สระแก้ว และชลบุรี  ซี่งกลุ่มเด็กอ่อนแรกเกิดจนถึง 1 เดือนนั้น อวัยวะภายในและศูนย์ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายยังทำงานได้เพียง  1 ใน 3 เมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ รวมทั้งมีไขมันใต้ผิวหนังที่ช่วยสร้างพลังงานให้ความร้อนแก่ร่างกายน้อยกว่าผู้ใหญ่ ทำให้อุณหภูมิร่างกายเด็กเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศได้ง่าย ยิ่งหากเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนดจะยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้นไปอีก โดยหากเด็กสัมผัสกับความหนาวเย็น เช่นอยู่ในอากาศหนาวเป็นเวลานาน จะทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง เกิดปัญหาที่เรียกว่า โคลด์ สเตรส (Cold Stress) หรือภาวะตัวเย็นเกินจะทำให้เส้นเลือดหดตัว หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย สมองหรืออวัยวะอื่นๆ อาจขาดเลือดไปเลี้ยง เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้
                นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ออกติดตามเยี่ยมบ้านมารดาหลังคลอด ซึ่งต่อวันจะมีเด็กเกิดใหม่ประมาณ 2,000 คน เพื่อให้ความรู้ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวติดต่อกัน 6 เดือน ซึ่งน้ำนมแม่นอกจากจะมีสารอาหารและภูมิต้านทานโรค ช่วยให้ลูกแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายแล้ว การอุ้มกอดลูกขณะให้นมจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นแก่เด็กโดยตรง และแม่ได้สังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิดวันละ 6-8 ครั้ง ช่วยให้ลูกปลอดภัยจากอากาศหนาว โดยเฉพาะในพื้นที่อากาศหนาวเย็นได้ขอให้เจ้าหน้าที่และอสม. ให้ความสำคัญกับการแนะนำเรื่องการดูแลความอบอุ่นของเด็กเป็นพิเศษ 
 
          ทางด้านดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในการสังเกตสัญญาณเตือนว่าเด็กมีอุณหภูมิร่างกายต่ำจากความหนาวเย็น คือเด็กจะร้องและดิ้น ซึ่งเป็นกลไกการปรับตัวเพื่อเพิ่มอัตราการเผาผลาญ ให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น โดยเมื่อสัมผัสที่ผิวเด็กจะพบว่าตัวเย็น มือเท้าเย็น สีผิวมีลักษณะเป็นจ้ำ แดง ลายทั่วตัว นิ้วมือนิ้วเท้าซีด เขียว ขอให้รีบเพิ่มความอบอุ่นเด็กโดยเร็ว โดยใส่ถุงมือ ถุงเท้า ใส่เสื้อผ้าหลายชั้น เด็กจะค่อยๆ ดีขึ้น และใช้วัดปรอทวัดไข้วัดอุณหภูมิร่างกายเด็ก อุณหภูมิจะต้องไม่ต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียส แต่หากยังไม่ดีขึ้นและเด็กมีอาการซึมลงให้รีบพาไปพบแพทย์ทันที
 
          นายแพทย์พรเทพกล่าวต่อว่า ในการป้องกันลูกจากภัยหนาว ขอให้ดูแลความอบอุ่นร่างกายให้เพียงพอ สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และเสื้อกันหนาว สวมหมวกไหมพรม ถุงเท้า และห่มผ้าหนาๆ เวลานอน อย่าให้เด็กนอนใกล้ประตูหน้าต่างที่มีลมโกรก ควรอาบน้ำช่วงสาย วันละ 1 ครั้ง และใช้น้ำอุ่นอาบ ให้ทาโลชั่นป้องกันผิวแห้งแตก และให้ลูกดูดนมแม่บ่อยๆ จะช่วยลดอาการปากแห้งแตกได้ เพราะนมแม่มีน้ำเพียงพออยู่แล้ว และไม่ควรพาลูกอ่อนออกไปเที่ยวนอกบ้าน ไม่ว่าจะอุ้มหรือใส่ในรถเข็นเด็ก เนื่องจากยังมีการปรับตัวในเรื่องอุณหภูมิของร่างกายยังไม่ดี อาจเจ็บป่วย และติดเชื้อได้ง่าย                                                   
          ทั้งนี้ อุณหภูมิเด็กปกติจะอยู่ที่ประมาณ 37องศาเซลเซียส ไม่ควรจะมากกว่าหรือต่ำกว่า 0.5องศาในเด็กเล็กเพื่อความปลอดภัยควรใช้ปรอทวัดไข้ทางรักแร้นาน 3-5นาที แล้วอ่านค่า ไม่ควรเอาใส่ในปากเด็ก เนื่องจากเด็กจะกัด ทำให้ปรอทแตกได้ ส่วนปรอทที่ใช้วัดทางหน้าผาก อาจอ่านค่าผิดพลาดได้





---------------------------------------
ที่มา www.moph.go.th