ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.เผยปี 2568 ไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว เผยขณะนี้มีผู้สูงอายุกว่า 1 ล  (อ่าน 844 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์
สธ.เผยปี 2568 ไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว เผยขณะนี้มีผู้สูงอายุกว่า 1 ล้านคนนอนติดเตียง!


            กระทรวงสาธารณสุข เผยในปี 2568 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว  มีผู้สูงอายุ 14 ล้านกว่าคน  ผลสำรวจล่าสุด มีผู้สูงอายุกว่า 1 ล้านคนที่สุขภาพไม่ดี นอนติดเตียง ต้องพึ่งคนอื่นดูแล    ชี้แนวโน้มมีผู้สูงอายุอยู่ลำพังไร้ลูกหลานดูแลเพิ่มขึ้น   เร่งพัฒนาการดูแลทั้งระบบทั้งการรักษา การชะลอความเสื่อมร่างกาย โดยในปี 2557 นี้ ทุ่มงบประมาณ 39 ล้านบาท พัฒนาการตรวจคัดกรองสุขภาพ การดูแลในชุมชนร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และได้จัดทำสมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุใช้ได้ทั่วประเทศ  อยู่ระหว่างประเมินผลในทางปฏิบัติ

                วันนี้   (19 มีนาคม 2557)   ที่โรงแรมปรินซ์พาเลซ มหานาค  กรุงเทพมหานคร     นายแพทย์ณรงค์   สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดประชุม เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลทั่วประเทศ  เพื่อพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ จัดโดยสมาคมแม่บ้านสาธารณสุขว่า  ขณะนี้ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ  ขณะนี้ประเทศไทยมีประชากรทั้งหมด 64.5 ล้านคน   ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุอายุ 60 ปีขึ้น จำนวน 9.4 ล้านคน  คิดเป็นร้อยละ 14.5 ของประชากร  โดยเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 5 แสนคน   คาดว่าภายใน ในปี 2568  ไทยก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society)  จำนวนผู้สูงอายุจะมีประมาณ 14.4 ล้านคน  หรือเพิ่มขึ้นเกินร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด กล่าวคือจะมีผู้สูงอายุ 1 คน ในประชากรทุกๆ 5 คน

          นายแพทย์ณรงค์กล่าวว่า ผลการศึกษาปัญหาการเจ็บป่วยจากการตรวจร่างกายของผู้สูงอายุไทยล่าสุดในปี 2552 โดยสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ปรากฎว่ามีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปร้อยละ 85 หรือจำนวนประมาณ 6 ล้านคน ที่สามารถดูแลตนเองได้  และมีผู้สูงอายุที่นอนติดเตียง ติดบ้าน ต้องพึ่งพิงคนอื่นช่วยดูแลกว่า 1 ล้านคนคิดเป็นเกือบร้อยละ 15   โดยมีประมาณ 960,000 คน ที่ช่วยเหลือตนเองได้บางส่วน  อีกประมาณ 63,000 คน ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เลย    โรคเรื้อรัง 5 อันดับที่พบมากในผู้สูงอายุคือ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน  โรคอ้วนลงพุง และโรคข้อเสื่อม

          นอกจากนี้พบว่า มีผู้สูงอายุกว่าร้อยละ 70 ที่สายตาไม่ดี  มองเห็นไม่ชัดเจน และเกือบครึ่งหนึ่ง มีปัญหาในการบดเคี้ยวอาหาร  เนื่องจากเหลือฟันแท้ในปากไม่ถึง 20 ซี่ก และที่น่าเป็นห่วงพบว่าแนวโน้มผู้สูงอายุอยู่คนเดียวหรืออยู่ลำพังเพิ่มมากขึ้น 2 เท่าตัว จากร้อยละ 3.6 ในปี 2537 เป็นร้อยละ 7.6 ในปี 2550 จึงต้องเร่งพัฒนาระบบการดูแลที่เหมาะสมทั้งการดูแลในโรงพยาบาล  การดูแลในชุมชน การดูแลที่บ้าน การชะลอความเสื่อมร่างกาย    โดยเฉพาะเรื่องการดูแลรักษาฟื้นฟูผู้สูงอายุนั้น มีความแตกต่างจากประชาชนทั่วไป ทั้งลักษณะอาการป่วย การตรวจวินิจฉัยโรค เพราะร่างกายอยู่ในวัยเสื่อม   เสี่ยงบาดเจ็บ พิการ อาจเสียชีวิตได้ง่ายกว่าวัยอื่น

                ทั้งนี้ ในปี 2557 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรงบประมาณ 39 ล้านบาท พัฒนาระบบการดูแล 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1.การตรวจคัดกรองเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เช่นโรคซึมเศร้า  โดยเน้นที่ระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกว่า 8,000 แห่งร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น    โดยพัฒนาบุคลากรดูแลผู้สูงอายุ พัฒนาระบบฐานข้อมูลสุขภาพผู้สูงอายุในหมู่บ้านชุมชน   ประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน เพื่อดูแลที่เหมาะสม โดยขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้พัฒนาสมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุคล้ายคู่มือการดูแลเด็กแรกเกิด  เพื่อดูแลอย่างต่อเนื่อง ใช้ได้ทั่วประเทศ อยู่ระหว่างการประเมินผล   2.พัฒนาระบบบริการสุขภาพเชื่อมโยงจากสถานพยาบาลสู่ชุมชน  เช่นการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม การดูแลผู้สูงอายุติดเตียงที่บ้าน และ3.ส่งเสริมให้ชุมชน ท้องถิ่นมีระบบการดูแลและส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ    การสร้างตำบล/อำเภอสุขภาพดี 80 ปียังแจ๋ว 






-----------------------------------------------------------
ที่มา : http://www.moph.go.th/