ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.พร้อมฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 3.4 ล้านโด๊ส ฟรี ที่ รพ.ในสังกัดทั่วไทย  (อ่าน 992 ครั้ง)

ออฟไลน์ Por-MedTech

  • Global Moderator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 1192
    • อีเมล์

สธ.พร้อมฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 3.4 ล้านโด๊ส ฟรี ที่ รพ.ในสังกัดทั่วไทย

 ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2557 นี้ กระทรวงสาธารณสุขพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ให้กลุ่มเสี่ยงฟรี 3.4 ล้านโดส ในโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลศูนย์ที่อยู่ในสังกัดทั่วประเทศ พร้อมกำชับสั่งการให้ทุกจังหวัดเร่งป้องกัน ควบคุมปัญหาไข้หวัดใหญ่ในพื้นที่  และกำชับแพทย์ให้การรักษาอย่างฉับไว  เน้นย้ำประชาชน หากป่วยเป็นไข้หวัด และอาการไม่ดีขึ้นใน 2 วัน ต้องรีบพบแพทย์ เพื่อป้องกันการเสียชีวิต เผยในรอบ 4 เดือนปีนี้ พบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่แล้ว 53 ราย

        วันนี้(30 เมษายน 2557)นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้ามาตรการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ว่า จากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ คาดการณ์สถานการณ์โรคในปี 2557 นี้จำนวนผู้ป่วยอาจจะมีถึง 120,000 ราย และเสียชีวิต 120 ราย รุนแรงพอๆ กับปี 2553  ในรอบ4 เดือนปีนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม  ถึงเดือนวันที่ 30 เมษายน พบผู้ป่วยแล้ว 30,024 ราย เสียชีวิต 53 ราย โดยร้อยละ 60 อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป มีโรคประจำตัว  หญิงตั้งครรภ์ จากการตรวจวิเคราะห์เชื้อทางห้องปฏิบัติการในผู้ที่เสียชีวิต พบร้อยละ 96 ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009 ที่เหลือเป็นสายพันธุ์บี ซึ่งโรคนี้จะแพร่ระบาดมากขึ้นในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งป้องกันเพื่อลดการป่วยและเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด  โดยเน้น 3 มาตรการ คือ การเฝ้าระวัง การป้องกันโรค และการดูแลรักษาผู้ป่วย

        นายแพทย์ณรงค์กล่าวว่า ในมาตรการป้องกันนั้น ในปีนี้ได้จัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ จำนวน 3.4 ล้านโดส ให้กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วย และประชาชน 4 กลุ่มได้แก่ ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปถึง 2 ปี หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป  และผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย มะเร็งที่กำลังให้เคมีบำบัด และเบาหวาน จะเริ่มให้บริการฉีด ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป จึงขอให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่กล่าวมา เข้ารับการฉีดวัคซีนได้ฟรี ที่โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลศูนย์ รวมทั้งโรงพยาบาลอื่นๆ ที่เข้าร่วมโครงการ เมื่อฉีดแล้ววัคซีนที่ฉีดครั้งนี้เป็นวัคซีนรวมป้องกันไข้หวัดตามฤดูกาลที่พบบ่อยในไทย 3 สายพันธุ์   หลังฉีดแล้วจะไม่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือหากป่วย แต่อาการจะไม่รุนแรง

     ทางด้านนายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประธานวอร์รูม ป้องกันและแก้ไข้ปัญหาสาธารณภัย ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ของกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในวันนี้ได้ประชุมทางไกลผ่านระบบวีดีโอกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสาธารณสุขทั่วไป ในเรื่องความพร้อมในการให้บริการฉีด ซึ่งขณะนี้ได้จัดส่งวัคซีนไปให้โรงพยาบาลทุกแห่งแล้ว และได้กำชับให้ทุกจังหวัดเข้มข้นมาตรการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่ โดยเน้นย้ำให้โรงพยาบาลทุกแห่ง โดยเฉพาะโรงพยาบาลชุมชน เฝ้าระวังผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดหรือมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ที่ไปรับบริการตรวจรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอก หากพบมีมากกว่าร้อยละ 5 ของผู้ใช้บริการทั้งหมดแสดงว่ามีปัญหาแพร่ระบาด ให้จัดช่องทางพิเศษเพื่อตรวจรักษาผู้ป่วยโรคนี้โดยเฉพาะ ไม่ปะปนกับผู้ป่วยอื่น และย้ำให้ทั้งแพทย์เก่าและแพทย์ใหม่ให้การรักษาผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว หากซักประวัติแล้วพบว่า เป็นไข้หวัดมาแล้ว 2 วัน อาการยังไม่ดีขึ้น สามารถให้ยาโอเซลทามิเวียร์ ซึ่งเป็นยาต้านไวรัส ที่ให้ผลดี จะป้องกันการเสียชีวิตได้ ซึ่งขณะนี้ได้กระจายไปให้โรงพยาบาลทุกแห่งแล้ว ส่วนผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงพิจารณาให้ยาได้ทันทีและให้จ่ายหน้ากากอนามัยให้ผู้ป่วยทุกรายเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่สู่ผู้อื่น ซึ่งการแพร่เชื้อจะพบมากในช่วงป่วย 3 วันแรก


       นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ 1 ชุด เพื่อเป็นที่ปรึกษาแก่แพทย์ทั่วประเทศ และหากคนไข้มีอาการหนัก ได้เตรียมโรงพยาบาลราชวิถี สถาบันทรวงอก และสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี พร้อมให้การดูแลต่อ อย่างไรก็ดีต้องขอความร่วมมือประชาชนหากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ มีอาการดังนี้ คือ ไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว ไอ มีน้ำมูกไหล ให้หยุดพักผ่อนที่บ้านและใส่หน้ากากอนามัย หากอาการไม่ดีขึ้นใน 2 วัน ขอให้รีบไปพบแพทย์ด่วน ส่วนประชาชนทั่วไปขอให้ยึดหลักการปฏิบัติตัว กินร้อน ใช้ช้อนกลาง และล้างมือฟอกสบู่บ่อย ๆ หากมีข้อมีสงสัยสามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค หมายเลข 1422 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ 02-5903158, 02-5903238


***********************
ที่มา :  http://www.moph.go.th