เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรค ปชป.แถลงกรณีนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
โพสต์บทความในเฟซบุ๊กส่วนตัว โจมตีการถอนตัวจากภาคีคณะกรรมการมรดกโลก (ยูเนสโก) ของประเทศไทย ว่า ยืนยันว่าข้อเท็จจริงทั้งหมดของเหตุขัดแย้งไทย-กัมพูชานั้นเกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลในยุคที่นายนพดลเป็น รมว.ต่างประเทศได้ดำเนินการลงนามในแถลงการณ์ร่วมสนับสนุนกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียวในปี 2551 ซึ่งหลายฝ่ายตั้งข่อสังเกตว่าเกิดขึ้นในห้วงที่มีการแลกเปลี่ยนสัมปทานธุรกิจในกัมพูชาหรือไม่ ซึ่งนับแต่นั้นก็ได้ทำให้ไทยสุ่มเสี่ยงต่อเรื่องเสียดินแดนเพราะในการขึ้นทะเบียนมีการแนบแผนภูมิแผนที่ไปด้วย
ขณะนี้นายนพดลกับพวกยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเมื่อพรรค ปชป.มาเป็นรัฐบาลได้ใช้เวทีระหว่างประเทศแสดงจุดยืนว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของนายนพดลและใช้กรณีดังกล่าวเป็นข้อต่อสู้เพื่อปกปักรักษาอธิปไตยและเดินหน้าคัดค้านแผนปฏิบัติการของกัมพูชามาตลอด
"แต่ต้องยอมรับว่าข้อต่อสู้ของไทยในเวทีโลกได้ถูกบั่นทอนลงและอ่อนลงอย่างมากในสมัยของนายนพดลที่ได้กระทำการดังกล่าว และคนก็สงสัยว่าการดำเนินการของนายนพดลนั้นเป็นพฤติกรรมของทนายส่วนตัวอดีตที่ปรึกษานายกฯกัมพูชามากกว่า รมว.ต่างประเทศของไทยหรือไม่" โฆษก ปชป.กล่าว และว่า รัฐบาลแสดงความชัดเจนให้ประชาชนได้เห็นความแตกต่างระหว่างการดำเนินงานของรัฐบาลก่อนทำให้ไทยสุ่มเสี่ยงต่อการเสียอธิปไตยชาติกับรัฐบาลปัจจุบันที่ปกป้อง จึงมั่นใจว่าประชาชนจะรวมกันแสดงฉันทานุมัติเลือกรัฐบาลที่ปกป้องอธิปไตยในทุกเวที และหากนายนพดลคิดว่าสิ่งที่นายอภิสิทธิ์และตนพูดไม่จริง ก็ฟ้องร้องได้เต็มที่
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
