ผู้เขียน หัวข้อ: สธ. ซ้อมแผนเตรียมรับมือ “ไวรัสโคโรน่า” ขันน็อตระบบดูแลสุขภาพผู้แสวงบุญพิธีฮัจญ์  (อ่าน 626 ครั้ง)

ออฟไลน์ Por-MedTech

  • Global Moderator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 1192
    • อีเมล์
สธ. ซ้อมแผนเตรียมรับมือ “ไวรัสโคโรน่า” ขันน็อตระบบดูแลสุขภาพผู้แสวงบุญพิธีฮัจญ์


          กระทรวงสาธารณสุข จัดซ้อมแผนความพร้อมเจ้าหน้าที่รับมือการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2012 พร้อมจัดระบบดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปแสวงบุญพิธีฮัจญ์ ในเดือนกันยายน 2557 ทั้งก่อนไป ระหว่างประกอบพิธี และหลังเดินทางกลับมา ขณะนี้ทั่วโลกพบผู้ป่วยแล้ว 853 ราย เสียชีวิต 330 ราย ใน 21 ประเทศ ส่วนไทยยังไม่พบผู้ป่วยโรคนี้ แต่ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด

          วันนี้ (31กรกฎาคม2557) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ รอง ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดการฝึกซ้อมแผนเตรียมความพร้อมรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ 2012 หรือเมอร์ส-โควี (MERS-CoV) ระดับกระทรวงสาธารณสุข ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ (VDO Conference) ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจาก 12 เขตบริการสุขภาพและสำนักงานควบคุมป้องกันโรค 1-12 สร้างระบบการบริหารจัดการในภาวะวิกฤติหากพบผู้ป่วยในประเทศและระบาดในวงกว้าง เพื่อลดผลกระทบต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสมมุติ 3 เหตุการณ์ คือพบผู้ป่วยติดเชื้อรายแรกในไทย พบผู้ป่วยสงสัยเพิ่มขึ้นในวงกว้าง และพบพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยติดเชื้อด้วย       
           นายแพทย์วชิระกล่าวต่อว่า โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2012 มีความรุนแรงสูง ยังไม่มีวัคซีนป้องกันและยารักษาเฉพาะ พบในคนครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2555 ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง องค์การอนามัยโลกรายงานผู้ป่วยสะสมจนถึงวันที่ 24 กรกฎาคม 2557 ทั่วโลกพบผู้ป่วยยืนยัน 853 ราย เสียชีวิต 330 รายใน 21 ประเทศจาก 3 ภูมิภาค คือภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จอร์แดน กาตาร์ คูเวต อิหร่าน โอมาน อียิปต์ เยเมน เลบานอน ภูมิภาคยุโรปได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ ตูนีเซีย อัลจีเรีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และภูมิภาคอเมริกาคือ สหรัฐอเมริกา สำหรับไทย ไม่พบผู้ป่วยโรคนี้ แต่มีโอกาสเสี่ยงจากการเดินทางไปท่องเที่ยว ประกอบธุรกิจ หรือประกอบศาสนกิจในพื้นที่ที่มีการระบาด ได้ให้ทุกจังหวัดเพิ่มความเข้มข้นในระบบการเฝ้าระวังผู้ป่วย ทั้งในชุมชนและในโรงพยาบาล เตรียมความพร้อมสถานพยาบาล ห้องแล็บ แจ้งเตือนผู้เดินทาง หากพบผู้ป่วยติดเชื้อระบบทางเดินหายใจและมีประวัติเดินทางกลับจากประเทศตะวันออกกลาง ให้แจ้งที่สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคทันที เพื่อเข้าสู่ระบบเฝ้าระวังและป้องกันโรค ควบคุมการแพร่ระบาดให้เร็วที่สุด
            สำหรับแผนการดูแลชาวไทยมุสลิมจำนวนกว่า 10,000 คน ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียในเดือนกันยายน 2557 นี้ ได้เตรียมดูแล 3 ระยะคือก่อนเดินทาง ระหว่างประกอบพิธี และหลังเดินทางกลับ โดยได้ให้บริการตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่และไข้กาฬหลังแอ่น ให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพ แจกเจลล้างมือ หน้ากากอนามัย รวมทั้งส่งหน่วยแพทย์พยาบาลไทยไปให้การดูแลรักษาที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย และวางระบบการเฝ้าระวังโรค ติดตามหลังเดินทางกลับเป็นเวลา 15 วัน
ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ได้จัดการฝึกซ้อมแผนเตรียมความพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ได้ฝึกซ้อมแผน 3 ระยะ โดยระยะ1 และ 2 เน้นการเฝ้าระวัง สอบสวน และตรวจจับการระบาดในพื้นที่และสนามบิน การดูแลผู้ป่วยและการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล และระบบการส่งต่อผู้ป่วยให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและเหมาะสม ระยะที่3 เน้นด้านการตัดสินใจ การสั่งการ การบริหารจัดการทรัพยากร และการสื่อสารในกรณีตอบโต้ภาวะการระบาด รวมถึงการควบคุมโรคในกรณีที่มีการระบาดในชุมชนเป็นวงกว้าง
            นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า หากประชาชนจำเป็นต้องเดินทางไปยังพื้นที่ระบาด ขอแนะนำให้รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลให้ดี โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการป่วยรุนแรง เช่น กลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน โรคปอดเรื้อรัง โรคไตวาย หรือผู้ที่ภูมิต้านทานต่ำ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงการสัมผัสอูฐ และการดื่มน้ำนมดิบจากอูฐ ที่ยังไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ หรือกินอาหารปรุงสุกใหม่ ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด หากจำเป็นควรใส่หน้ากากป้องกันโรค หากมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หลังเดินทางกลับ ภายใน 14 วันให้รีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางไปต่างประเทศด้วย ประชาชนมีข้อสงสัยโทรสอบถามได้ที่สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ โทร 02 590 3159, 3238 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 



*****************************
ที่มา : http://www.moph.go.th/moph2/index4.php