สธ.เผยอาการหญิงไทยที่สถาบันบำราศฯ สบายดี ไม่มีไข้ เตรียมเจาะเลือดซ้ำพรุ่งนี้
กระทรวงสาธารณสุข เผยอาการหญิงไทย ที่พักดูอาการที่สถาบันบำราศนราดูร วันที่สอง สบายดี ไม่พบว่ามีไข้ เตรียมเจาะเลือดตรวจซ้ำพรุ่งนี้ ย้ำโรคอีโบล่า ติดทางการสัมผัสโดยตรงกับเลือด น้ำเหลือง สิ่งคัดหลั่งของผู้ที่กำลังป่วย ไม่ติดต่อทางเดินหายใจ ชี้ความร่วมมือประชาชน สำคัญต่อการควบคุมป้องกันโรค
วันนี้ (23 สิงหาคม 2557) ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์ศุภมิตร ชุณห์สุทธิวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค แถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ว่าข้อมูลถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2557 พบผู้ป่วย 2,615 ราย เสียชีวิต 1,427 ราย การระบาดยังคงอยู่ในประเทศกินี ไลบีเรีย เซียร์ร่าลีโอน และเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า กรณีชาวพม่าที่แวะมาเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศไทย ได้รับรายงานเบื้องต้นว่า ป่วยด้วยโรคมาลาเรีย ได้รับยาแล้วอาการดีขึ้น โดยกรมควบคุมโรค จะประสานขอข้อมูลอย่างเป็นทางการ ทางเครือข่ายการประสานงานกฎอนามัยระหว่างประเทศต่อไป ส่วนชาวไนจีเรีย 2 ราย ที่ประเทศเวียดนาม อาการไม่เข้าข่ายสงสัยโรคอีโบลา เนื่องจากไม่มีไข้ ไม่ป่วย เพียงแค่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาด ส่วนชาวอเมริกัน 2 รายที่ติดเชื้ออีโบลา และรักษาตัวในโรงพยาบาลในประเทศสหรัฐฯ อาการหายเป็นปกติ กลับบ้านแล้ว
สำหรับหญิงไทย ที่นอนพักอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร เป็นวันที่สอง อาการปกติดี สบายดี ไม่มีไข้ ผื่นยุบลงแล้ว รายนี้ไม่เข้าข่ายสงสัยโรคอีโบล่า แต่เป็นความกังวลของผู้ป่วย ซึ่งติดต่อแจ้งมา กรมควบคุมโรคจึงรับเข้าระบบเฝ้าระวัง สอบสวนโรคของประเทศ ผลการตรวจเลือดเพื่อดูการติดเชื้ออีโบลา ครั้งแรกได้ผลเป็นลบ แต่ก็จะตรวจยืนยันซ้ำในวันพรุ่งนี้ สำหรับการสรุปผลการวินิจฉัยจะมีการหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้วย ส่วนผู้สัมผัสอีก 13 ราย อยู่ในระบบติดตาม 21 วันตามมาตรฐาน จนถึงวันนี้ทุกคนสบายดี ในส่วนของบุคลากรที่ดูแลหญิงรายนี้ มีขวัญและกำลังใจดีทุกคน มีกำลังใจในการทำงานเพื่อดูแลผู้ป่วย
“หญิงไทยรายนี้ ถือว่ามีความใส่ใจที่ได้รายงานตัวให้ทราบ นับความร่วมมือจากประชาชน ซึ่งมีความสำคัญต่อการป้องกันและควบคุมโรคทุกชนิด ไม่เฉพาะอีโบลา ย้ำโรคนี้ไม่ติดต่อทางการหายใจ แต่ติดต่อโดยตรงจากการสัมผัสเลือด น้ำเหลือง และสิ่งคัดหลั่งของผู้ที่กำลังป่วย โดยเชื้อเข้าทางบาดแผลและเยื่อบุที่อวัยวะต่างเช่น เยื่อบุตา ทั้งนี้ ความตระหนักและความเข้าใจของสังคมไทย มีความสำคัญต่อการรับมือกับการระบาดของโรคจากต่างประเทศ หากมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องโรคและวิธีการป้องกันตัว จะช่วยให้เกิดความร่วมมือในการทำงานควบคุมป้องกันโรคให้เป็นผลสำเร็จ” นายแพทย์โอภาสกล่าว
ในด้านมาตรการเฝ้าระวัง ตรวจคัดกรองผู้เดินทางจากพื้นที่ระบาด ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะนี้ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เมื่อวานนี้หลังการตรวจเยี่ยมของปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้มีการหารือกับการท่าอากาศยาน และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และเตรียมการติดตั้งกล้องวัดอุณหภูมิอัตโนมัติ เสริมการตรวจคัดกรองที่จุดแวะเปลี่ยนเครื่อง
ทางด้าน นายแพทย์ศุภมิตร ชุณห์สุทธิวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในด้านความพร้อมการดูแลผู้ป่วย หรือผู้อยู่ในข่ายสงสัยติดเชื้อไวรัสอีโบลา กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความรู้บุคลากร จัดทำคู่มือแนวทางการปฏิบัติงานตามมาตรฐาน ทั้งสำหรับภาครัฐและเอกชน จัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อของเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงาน ทั้งในการดูแลป่วยในโรงพยาบาล ในการส่งต่อผู้ป่วย และสำหรับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ส่วนรถพยาบาลที่ใช้รับส่งผู้ป่วย สามารถใช้รถพยาบาลที่มีอยู่ โดยให้ความเอาใจใส่ในการความสะอาด ทำลายเชื้อโรคตามมาตรฐาน
นายแพทย์ศุภมิตรชี้แจงเกี่ยวกับยาซีแมป ว่าเป็นยาที่อยู่ในขั้นทดลอง เป็นสารภูมิคุ้มกันต่อเชื้ออีโบล่าโดยตรง ประสงค์ที่จะใช้รักษาผู้ป่วย ไม่ใช่วัคซีนซึ่งต้องใช้ฉีดล่วงหน้าเพื่อป้องกันโรค ยาซีแมปป์ (ZMapp) นี้ได้นำมาใช้รักษาผู้ป่วยแล้ว 3 ราย ได้ผล 2 ราย อีก 1 รายเสียชีวิต ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันประสิทธิภาพยาได้ เนื่องจากข้อมูลผลการรักษาผู้ป่วยยังมีน้อย ยานี้ยังไม่มีการผลิตในระดับอุตสาหกรรม เพื่อจำหน่าย
*********************************
ที่มา :
http://www.moph.go.th/moph2/index4.php
