ผู้เขียน หัวข้อ: เขมรผวาหนีตายวุ่น-ไทยเคลื่อนพลพร้อมรบ  (อ่าน 1116 ครั้ง)

ออฟไลน์ tikky

  • Global Moderator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 1985



สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรยังตึงเครียดครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 1 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ บริเวณด่านสะพานห้วยดาน ถนนวิหาร หมู่ 12 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ห่างจากปราสาทพระวิหาร 10 กม. ทหารพรานติดอาวุธ หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้ตั้งด่านตรึงกำลังเข้มเรียงรายหลายจุด มีการสร้างบังเกอร์ เหล็กกั้น ท่อปูนซีเมนต์ รั้วลวดหนามวางขวางถนน เป็นด่านแรกก่อนที่จะถึงด่านที่ 2 บริเวณหน้าด่านเก็บค่าธรรมเนียม อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร พร้อมนำรถฮัมเมอร์ และรถจี๊ปติดตั้งปืนกลยิงเร็ว วิ่งลาดตระเวนตลอดเส้นทาง โดยบรรยากาศคึกคักกว่าทุกวัน เพราะกองกำลังทหารติดอาวุธ จากกองพลทหารราบที่ 6 ได้เข้ามาเสริมกำลังทหารพราน

สำหรับบรรยากาศที่บริเวณหน้าผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ซึ่งอยู่ห่างจากประสาทพระวิหาร 2 กม. พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผบ.พล.ร.6 และ ผบ.กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้เคลื่อนกำลังพล จากกรมทหารราบที่ 6 กรมทหารราบที่ 16 กรมทหารราบที่ 23 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 6 กองร้อยต่อสู้รถถังอาวุธนำวิถีที่ 6 กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 ในสังกัดกองพลทหารราบที่ 6 กองทัพภาคที่ 2 มาประจำการที่ชายแดน ด้านเขาพระวิหาร เพื่อสับเปลี่ยนกำลังในหน่วยเฉพาะกิจพระวิหาร 1 ตามแผนปฏิบัติการประจำปีกองทัพ ทั้งนี้ พล.ต.ชวลิต ระบุว่าเป็นไปตามแผนและขั้นตอนในเรื่องของการใช้กำลัง เคลื่อนกำลังและส่งกำลังบำรุง ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด เป็นการปรับกำลังในพื้นที่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเสริมกำลัง เพราะในพื้นที่พิพาทเชิงเขาพระวิหาร ก็มีกำลังหลักจากหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ตรึงกำลังในพื้นที่เพียงพอแล้ว

ส่วนความเคลื่อนไหวของฝั่งกัมพูชา หน่วยบัญชาการทหารสูงสุด กองทัพแห่งชาติกัมพูชา ประจำพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ได้มีวิทยุสั่งการให้กำลังพลในสังกัดหน่วยภูมิภาคทหารที่ 4 กองพลสนับสนุนที่ 3 และกำลังเสริมจากกองทัพบกกัมพูชา โดยอ้างคำสั่งจาก พล.ท.ฮุน มาเนต รองผบ.ทบ.และ ผบ.พล.น้อย 70 เคลื่อนพลประจำการที่ฐานทัพผลาญหินปิดก้อน ฐานทัพช่องอานม้า ฐานทัพช่องตาเฒ่า ฐานทัพบ้านสวายจะรุม ฐานทัพซ่องคำผกา ฐานทัพช่องซำแต ฐานทัพช่องโพย และฐานเบาะสะเบา สำรวจอาวุธประจำกาย อาทิ อาก้า เอเค 47 เครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม 79 เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน รวมถึงให้หันปากกระบอกปืนใหญ่ และเครื่องยิงจรวดบีเอ็ม 21 เล็งใส่พื้นที่ ต.เสาธงชัย ต.ภูผาหมอก ต.โนนสำราญ และ ต.รุง อ.กันทรลักษ์

ด้าน พล.อ. เจีย ดารา รองผู้บัญชาการ กองทัพแห่งชาติกัมพูชา และ ผบ.หน่วยสมรภูมิแนวหน้าภูมิภาคที่ 4 ระบุว่า สถานการณ์ที่แนวหน้ามีสภาพปกติ ส่วนทหารกัมพูชาที่ประจำการตามแนวชายแดนนั้น ทำหน้าที่ป้องกันดินแดนของตน ไม่ต้องการได้ดินแดนใคร ขณะเดียวกัน พล.ต.เม็ย มัว รอง ผบ.พล.น้อยทหารราบที่ 41 ซึ่งคุมกำลังทหารกัมพูชา ประจำการชายแดนด้านปราสาทตาเมือนธม ได้ยืนยันว่า สถานการณ์ทางทหารตามแนวชายแดน ที่แนวหน้ายังคงเป็นปกติ ทหารกัมพูชามีการเตรียมพร้อม ในการป้องกันดินแดนตลอดเวลา

ขณะเดียวกันชาวบ้านกัมพูชา ในหมู่บ้านโรเนียมธม บ้านหนุเมียน และหมู่บ้านทมอดูน ต.ทมอดูน 55 ครอบครัว ที่อาศัยตามแนวชายแดน ใกล้ปราสาทตาเมือนธม และตาควาย ต.โคกคปั๊ว อ.บันเตียอัมปึล จ. อุดรมีชัย ฝั่งตรงกันข้ามกับ ต.ตาเปียง และ ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ มีความตื่นตระหนกต่อสถานการณ์ ได้เร่งเก็บเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น อพยพออกจากพื้นที่เพื่อหาที่ปลอดภัย ไปพำนักอาศัยที่วัดกู ห่างจากด่านบึงตรอกวน ชายแดนไทย-กัมพูชา 15 กม. โดยผู้อพยพชาวกัมพูชาหลายคนระบุว่า หวั่นเกรงข่าวลือที่ไทยจะเข้ามาตีกัมพูชาในวันที่ 1 ก.ค. จึงคิดว่าสงครามจะเกิดขึ้นวันนี้ ประกอบกับเมื่อมองไปที่ฝั่งประเทศไทยก็เห็นว่า มีทหารจำนวนมาก จึงต้องรีบอพยพหาที่ปลอดภัย
ที่ จ.สุรินทร์ คณะครูและคณะกรรมการสถานศึกษา รร.บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก ได้ซักซ้อมแผนหลบภัยให้กับนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษา รวมกว่า 100 คน โดยให้นักเรียนวิ่งไปหลบในหลุมหลบภัยของโรงเรียน 4 แห่งที่จัดสร้างขึ้น เพื่อให้นักเรียนเตรียมความพร้อมหากเกิดการสู้รบขึ้น ทั้งนี้ โรงเรียนบ้านหนองคันนาอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ใกล้กับปราสาทตาเมือนธมเพียง 54 กม.เท่านั้น

ขณะที่มณฑลทหารบกที่ 11 พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 เปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวต่างๆ อยู่ในความปกติ กัมพูชาได้สับเปลี่ยนกำลังฝั่งตรงข้าม จ.สระแก้ว 2 จุด แต่ระยะห่างยังไม่เป็นที่น่ากังวลมากนัก มีท่าทีต่อไทยตามปกติ ทหารในหน่วยปฏิบัติมีความสัมพันธ์ที่ดี ติดต่อกันได้ตลอดเวลาไม่น่าเป็นห่วงอะไร

วันเดียวกัน นายนภดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าหากประชาชนยอมเสียดินแดนก็ให้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยว่า นายอภิสิทธิ์ต้องเลิกให้ความเท็จ และใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ เหมือนทุกพรรคการเมือง ไม่มีใครยอมเสียดินแดนเพื่อแลกกับคะแนนเสียง ดังนั้นขอให้เลิกใส่ร้ายคนอื่นเพื่อเรียกคะแนน.

ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทส. แถลงข่าวกรณีตัดสินใจให้ประเทศไทยถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกมรดกโลกว่า สิ่งที่ตนตัดสินใจไปได้ตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้ว เพราะหากไม่ทำเช่นนั้น ในที่สุดแล้วจะสูญเสียอธิปไตยในพื้นที่พิพาทเรื่องเขตแดนกับประเทศกัมพูชา ก่อนหน้านี้ตนเจรจามาหลายรอบแล้ว กัมพูชาไม่เคยมีทีท่าจะรับการเจรจาแม้แต่น้อย พอพูดถึงเรื่องของการจัดการดินแดนที่ยังมีปัญหาไม่ลงตัว เขาพูดมาคำเดียวว่าให้ไปคุยกันทีศาลโลก คิดว่าถ้าเราไม่ถอนตัว ผอ.มรดกโลกคงไม่มีหนังสือออกมายืนยันเรื่องนี้ ถ้าเรายังดันทุรังอยู่ เราจะสูญเสียอธิปไตย เรื่องนี้ตัวนายกรัฐมนตรี ได้พยายามโทรฯ หานางอิรินา โบโกวา ผอ.องค์การยูเนสโกตลอดเวลา แต่เขากลับไม่ยอมรับโทรศัพท์.

ข้อมูลโดย :