ผู้เขียน หัวข้อ: เทคนิคการแพทย์-“ภาคภูมิ” ยันออกสื่อ เลือดจากสภากาชาดไทยปลอดภัยสูงสุด  (อ่าน 627 ครั้ง)

ออฟไลน์ Por-MedTech

  • Global Moderator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 1192
    • อีเมล์
เทคนิคการแพทย์-“ภาคภูมิ” ยันออกสื่อ เลือดจากสภากาชาดไทยปลอดภัยสูงสุด


เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์แนวหน้าได้นำเสนอสกู๊ปเรื่อง “เช็คสต็อก เลือดสภากาชาด !!! ขาดทุกกรุ๊ป-ปลอดภัยทุกยูนิต”โดยกล่าวถึงสถานการณ์คลังเลือด จากการเปิดเผยของ พญ. สร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ที่ระบุว่า ตอนนี้สภากาชาดไทยแทบจะไม่มีเลือดเก็บอยู่ในมือ โดยเราตั้งเกณฑ์เลือดสำรองไว้ที่ 3 วัน หรือ 5,000 ยูนิต แต่ขณะนี้มีเลือดอยู่ในมือเพียง 1,600 ยูนิต แปลว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่มีผู้มาบริจาคเลือดเลยก็เป็นอันจบสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการเลือด
ในสกู๊ปดังกล่าว ยังได้นำเสนอความเห็นของ ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ประจำฝ่ายตรวจคัดกรองโลหิต ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เกี่ยวกับความปลอดภัยของเลือด ซึ่ง ทนพ.ภาคภูมิ ยืนยันว่า ก่อนนำเลือดไปให้ผู้ป่วย ต้องตรวจหาเชื้อต่างๆก่อน เพื่อความปลอดภัยต่อผู้รับเลือด ซึ่งโรคที่ตรวจนั้นมีทั้งหมด 4 ตัว คือ 1.โรคซิฟิลิส 2.เชื้อเอชไอวี หรือเอดส์ 3.ไวรัสตับอักเสบบี และ 4.ไวรัสตับอักเสบซี โดยใช้การตรวจหาเชื้อ 2 วิธีหลัก คือ 1.การตรวจวิทยาเซรุ่ม หรือวิทยาน้ำเหลือง และ 2.การตรวจโดย Nucleic Acid Amplification Testing หรือ NAT ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งช่วยให้ได้ผลสรุปเร็วขึ้นจากเดิม 16 วัน เป็น 11 วัน
เมื่อถามว่า “เลือด” ที่ผ่านการตรวจปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่ ทนพ.ภาคภูมิ ตอบว่า ตอบยากและขึ้นอยู่กับ 2 ประเด็น คือ 1.ระบบตรวจสอบของสภากาชาดไทยใช้วิธีที่ดีที่สุด ได้มาตรฐานสากลโลก จึงมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าปลอดภัย และ 2.ผู้บริจาคโลหิตต้องตระหนักต่อผู้ป่วย ถ้ารู้ว่าตัวเองมีความเสี่ยงก็ไม่ควรบริจาคเลือด เพราะเลือดที่นำไปให้ผู้ป่วยถ้ามีเชื้ออยู่ แค่ยูนิตเดียวก็ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อได้
“เราใช้ 2 วิธีในการตรวจหาเชื้อ ขอให้มั่นใจว่าเลือดจากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย มีความปลอดภัยสูงที่สุดเพราะตรวจด้วยระบบที่ดีที่สุดในโลก แต่จะปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้บริจาคว่าตระหนักต่อส่วนรวม และประพฤติตัวเป็นผู้บริจาคเลือดที่ดีเพียงใด” ทนพ.ภาคภูมิ กล่าว
ติดตามอ่านรายสกู๊ปฉบับเต็มได้ที่ http://www.naewna.com/scoop/148203






************************************
ที่มา : https://www.facebook.com/Medtechtoday?fref=ts