ผู้เขียน หัวข้อ: อย่าเฉย...เมื่อชา ภัยเงียบเบาหวาน  (อ่าน 1357 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์
อย่าเฉย...เมื่อชา ภัยเงียบเบาหวาน
« เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2015, 08:56:52 am »


โรคเบาหวาน เป็นโรคที่มีการค้นพบ มาเป็นเวลานาน และมีการพัฒนาการรักษามานานกว่า 90 ปี แต่ปัญหาผู้ป่วยเบาหวาน กลับยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนขณะนี้ถือว่าเป็นปัญหาทางสาธารณสุขอันดับต้นๆของโลก

ในปัจจุบันพบคนไทยป่วยเป็นเบาหวานสูงถึง 4 ล้านคน...ช่วงอายุ 40-60 ปี ป่วยเป็นเบาหวานมากที่สุด

“เบาหวาน” เกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมน “อินซูลิน” ไม่เพียงพอ ส่งผลทำให้ระดับ น้ำตาลในเลือดสูงเกินไป ซึ่งโรคเบาหวานที่พบบ่อยมี 2 กลุ่มคือ...

โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากภูมิต้านทานของร่างกายทำลายเบต้าเซลล์ในส่วนของตับอ่อนซึ่งสร้างอินซูลิน ทำให้ร่างกายหยุดสร้างอินซูลิน หรือสร้างได้น้อยมาก

ดังที่เรียกว่า โรคภูมิต้านทานตัวเอง หรือออโตอิมมูน (autoimmune)

ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 จึงจำเป็นต้องฉีดอินซูลิน เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดตลอดไป

โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นเบาหวานที่พบเห็นกันเป็นส่วนใหญ่ สาเหตุที่แท้จริงประกอบด้วยหลายปัจจัยมีส่วนที่เกี่ยวกับ พันธุกรรม นอกจากนี้ ยังมีความสัมพันธ์กับภาวะ น้ำหนักตัวมาก และ ขาดการออกกำลังกาย อีกทั้ง อายุที่เพิ่มขึ้น

โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เบต้าเซลล์ของผู้ป่วยยังคงมีการสร้างอินซูลิน แต่อินซูลินทำงานไม่เป็นปกติ เนื่องจากมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ต่อมาเซลล์ที่สร้างอินซูลินค่อยๆถูกทำลายไป อินซูลินลดน้อยลงจนอาจต้องฉีดอินซูลินเพื่อการรักษา

วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี ถือเป็น...“วันเบาหวานโลก” สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับภาคเอกชน จัดกิจกรรม “โรคชา ปลายประสาทอักเสบ...รู้ทันป้องกันได้” รณรงค์ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และประชาชนทั่วไป

ให้พึงระวัง “โรคปลายประสาทอักเสบ”...ภัยเงียบที่อาจมาควบคู่กับโรคเบาหวาน

ข้อสังเกตสำคัญ “อย่าเฉย เมื่อชา”...โรคชาปลายประสาทอักเสบ อาการแทรกซ้อนภัยเงียบที่ผู้ป่วยเบาหวานต้องระวัง ส่วนมากมักจะพบในผู้สูงอายุ...บุคคลทั่วไปที่ไม่เป็นเบาหวานก็พบได้

ส่วนใหญ่ไม่ได้มีสาเหตุจากการติดเชื้อ อาการที่เรียกว่าปลายประสาทอักเสบนั้น มีลักษณะเป็นระบบประสาทส่วนปลายทำงานผิดปกติ โรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทส่วนปลาย...เมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้น รูปแบบการอักเสบไม่เหมือนกับการอักเสบติดเชื้อ แต่เรามักเรียกรวมๆ ว่าปลายประสาทอักเสบ แบ่งได้ดังนี้

กลุ่มแรก มีอักเสบจริงๆที่ระบบประสาทส่วนปลาย อาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อที่กระทบถึงระบบปลายประสาท ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนแรง ชา แต่ยังสามารถไปไหนมาไหนได้ ทำงานได้

หรือในผู้ป่วยที่เป็นรุนแรงจนถึงกล้ามเนื้อสำคัญๆ บริเวณแขน ขา อาจมีอาการอ่อนแรง บางรายอาจถึงขั้นต้องทำกายภาพบำบัด

กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่ขาดวิตามิน เช่น วิตามินบี 1 บี 6 บี 12

กลุ่มที่ 3 เป็นผลมาจากสารพิษต่างๆ เช่น พิษจากตะกั่ว โลหะหนัก สุรา พิษเหล่านี้จะทำให้ระบบประสาทส่วนปลายเสียไป มักจะเป็นที่ปลายเท้า อาการขึ้นกับสาเหตุ

ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณี นิธิยานันท์ นายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี บอกว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักพบภาวะแทรกซ้อนตามระบบและอวัยวะต่างๆของร่างกาย การตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาและวินิจฉัยภาวะแทรกซ้อนต่างๆจึงเป็นเรื่องสำคัญในการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวาน

“เพื่อให้การรักษาตั้งแต่ระยะแรก ก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจนเป็นเหตุให้การทำงานผิดปกติหรือสูญเสียอวัยวะไป ผู้ป่วยควรสังเกตความผิดปกติของอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะเท้า เพราะเมื่อเป็นเบาหวานมานาน จะทำให้หลอดเลือดส่วนปลายที่มาเลี้ยงขาและเท้าตีบ”

เมื่อร่วมกับมีการเสื่อมของเส้นประสาทส่วนปลาย ทำให้มีโอกาสเกิดแผลที่เท้าได้ง่าย เนื่องจากผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณแผล จึงมีโอกาสเกิดการลุกลาม...เรื้อรังของแผล นำไปสู่การตัดขาในที่สุด

ทั้งนี้...ร้อยละ 15 ของผู้ป่วยเบาหวานมีประสบการณ์การเกิดแผลที่เท้า น่าสนใจอีกว่าในจำนวนนี้ร้อยละ 14–24 ต้องถูกตัดขา...และผู้ป่วยเบาหวานชายมีความเสี่ยงเกิดแผลที่เท้ามากกว่าผู้หญิง

ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณี ย้ำว่า ถ้าโรคชาปลายประสาทอักเสบเป็นผลแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน สิ่งสำคัญคือผู้ป่วยต้องควบคุมระดับน้ำตาล และอาจต้องให้การรักษาอื่นร่วมด้วย โดยแบ่งการรักษาออกเป็น 2 วิธี

วิธีแรก...การรักษาด้วยกลุ่มวิตามินบี ที่มีความจำเป็นต่อการบำรุงระบบประสาท มีส่วนช่วยในการสร้างสื่อประสาท และช่วยซ่อมแซมเส้นประสาท จึงส่งผลต่อการลดอาการชาปลายมือปลายเท้าได้

กลุ่มวิตามินบีดังกล่าวได้แก่ วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 และวิตามินบี 12

จากเอกสารตีพิมพ์เกี่ยวกับการศึกษาที่ทำในประเทศแถบเอเชีย ในปี 2556 มีการวิจัยในผู้ป่วยเบาหวานที่มีโรคปลายประสาทอักเสบร่วมด้วย จำนวน 310 คน ผู้ป่วยรับประทานวิตามินบี 1 บี 6 บี 12 พบว่า 87.4 เปอร์เซ็นต์ มีการตอบสนองดีต่อการรักษา

และยังมีงานตีพิมพ์ของการศึกษาอื่นในผู้ป่วย พบด้วยว่าการที่ร่างกายได้รับวิตามินบี 12 วันละ 1,500 ไมโครกรัม ต่อเนื่อง 24 สัปดาห์ สามารถช่วยรักษาอาการระบบประสาทอักเสบได้ เพราะวิตามินบี 12 มีส่วนช่วยในการซ่อมแซมเยื่อหุ้มประสาทและป้องกันการเสื่อมของเส้นประสาท

วิธีที่สอง...การรักษาด้วยกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระ ในผู้ป่วยเบาหวาน พบการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายปริมาณสูงมาก (oxidative stress) ทำให้เกิดการเสื่อมของอวัยวะต่างๆเร็วขึ้น

ข้อมูลน่าสนใจจากการศึกษาพบอีกว่า แม้ผู้ป่วยเบาหวานจะพยายามควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติแล้วก็ตาม แต่มากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยก็ยังเกิดปัญหา ต่อมาจะทำให้ระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของหัวใจ ไต การย่อยอาหารผิดปกติ

“การรับประทานผักผลไม้หลายหลากสีอย่างพอเพียงทุกวันสามารถป้องกันไม่ให้อนุมูลอิสระทำลายเซลล์ และงดการสูบบุหรี่ถ้าสูบอยู่ การใช้สารต้านอนุมูลอิสระได้ผลไม่แน่นอนอาจช่วยป้องกันหรือลดภาวะอาการแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานได้”

ผู้ที่สนใจข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับโรคชาปลายประสาทอักเสบ คุณหมอ วรรณี บอกว่า สามารถเข้าร่วมฟังสัมมนา หัวข้อ “โรคชาปลายประสาทอักเสบ รู้ทันป้องกันได้” ที่จะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 1 ธันวาคม 2558 ณ ศาลาภิรมย์ภักดี สวนลุมพินี ได้ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป

“อย่าเฉย เมื่อชา” โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ป้องกันเสียแต่เนิ่นๆย่อมดีกว่าเป็นแล้วค่อยตามรักษา.





ที่มา http://www.thairath.co.th/