ผู้เขียน หัวข้อ: ออกจากห้องแอร์เพื่อสุขภาพของคุณ  (อ่าน 916 ครั้ง)

ออฟไลน์ beebee

  • medtech ปี เอก
  • ******
  • กระทู้: 1550
    • อีเมล์
ออกจากห้องแอร์เพื่อสุขภาพของคุณ
« เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2011, 04:04:21 pm »

ออกจากห้องแอร์เพื่อสุขภาพของคุณ

เพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว จึงทำให้หลายคนเลือกที่จะติดตั้งเครื่องปรับอากาศไว้ในบ้านบ้าน ซึ่งรวมถึงบริษัทห้างร้านต่างๆ

   
ออกจากห้องแอร์เพื่อสุขภาพของคุณ

ที่ทำให้ชีวิตของคนในสังคมเมืองต้องสูดลมหายใจและนั่งอุดอู้อยู่ในห้องแอร์ ที่ให้ความเย็นสบายกาย แต่ทว่าความเย็นที่ไม่ได้มาจากธรรมชาตินี้ สามารถทำคุณป่วยหนักได้เช่นกัน

อากาศเย็นสบายจากห้องแอร์ทำให้สาวๆ ออฟฟิศได้แต่งตัวกันเต็มที่ก็จริงอยู่ แต่ทว่าเจ้าลมเย็นๆ ชวนให้สบายใจนี้ นอกจากจะทำให้ผิวพรรณต้องแห้ง ซึ่งเป็นที่มาของริ้วรอยแล้ว ยังทำให้เราได้ยินเสียงไอ จาม และเจ็บคอ บ่อยขึ้นอีกด้วย ซึ่งอาการที่ว่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโรคทางเดินหายใจ ที่มักมีต้นตอมาจากการทำงานอยู่ภายในห้องแอร์

คุณเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจ?

นอกจากเด็กๆ และผู้สูงอายุแล้ว หนุ่มสาวออฟฟิศก็อยู่ในกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะคนที่ทำงานอยู่ในห้องที่อากาศแห้ง เพราะปรับเครื่องปรับอากาศอุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส และประตูหน้าต่างปิดมิดชิด ไม่มีอากาศถ่ายเท

นพ. อิทธิชัย วัชรีคุปต์ แพทย์สาขาอายุรกรรมทั่วไป แผนกประกันสังคม โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1เปิดเผยว่า ด้านในโพรงจมูกของคนเรามีเส้นเลือดแดงขนาดเล็กและผนังบางจำนวนมากทำหน้าที่ปรับอากาศที่เย็นหรือแห้งจากภายนอก ให้มีความอบอุ่นและความชื้นเหมาะสมกับอุณหภูมิของร่างกาย การที่เราต้องอยู่ในสภาพอากาศเย็นและแห้ง จะทำให้เซลล์ในโพรงจมูกแห้งลง โดยสามารถสังเกตได้ง่ายๆ จากน้ำมูกแห้งติดอยู่ในโพรงจมูก

ด้านในโพรงจมูกของคนเรามีเส้นเลือดแดงขนาดเล็ก เป็นผนังบางๆ มีจำนวนมาก ซึ่งมีหน้าที่ปรับอากาศที่เย็นหรือแห้งจากภายนอกให้มีความอบอุ่นและมีความชื้นสูงขึ้น แต่ในสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็น เซลล์ต่างๆ เช่น เซลล์เยื่อบุโพรงจมูก คอ หลอดลม ฯลฯ จะแห้งลงกว่าเดิม ทำให้ไม่มีเมือกมาป้องกันเซลล์จากเชื้อโรค เชื้อโรคจึงสัมผัสกับเซลล์โดยตรง ในขณะที่อากาศเย็นเพราะเครื่องปรับอากาศและไม่มีการถ่ายเทภายในห้อง เชื้อไวรัสจึงเจริญเติบโตได้ดี ขณะที่เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ดักจับเชื้อโรคในร่างกายทำงานได้ลดลง ส่งผลให้เมื่อต้องอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานานๆ หลายคนอาจเจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ เช่น หวัด ภูมิแพ้ ฯลฯ นอกจากนี้ ถ้าใช้นิ้วแหย่เข้าไปในรูจมูก หรือถูแรงๆ ก็อาจมีเลือดออก และถ้ามีอาการแสบคอร่วมด้วยก็อาจเป็นแผลและติดเชื้อได้

วิธีป้องกัน

ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หรือหอบมักจะมีอาการบ่อยขึ้น และรุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อต้องอยู่ในห้องแอร์ ดังนั้น คุณจึงควรป้องกันอย่างถูกวิธี เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง

1.ระวังไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย อาจเป็นการล้างมือให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ ไม่แคะ แกะ จับ บริเวณใบหน้า จมูก และปาก โดยที่ยังไม่ได้ล้างมือ รวมทั้งพยายามอยู่ในที่มีอากาศถ่ายเท และควรอยู่ให้ห่างจากผู้ที่เป็นหวัด

2.รักษาความอบอุ่นของร่างกาย

3.สร้างภูมิต้านทาน

-ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อาทิตย์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที

-นอนให้เต็มอิ่ม

-รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นทานผัก ผลไม้สด เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินเพียงพอ

4.สำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ควรหลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้

5.ระวังไม่ให้ทางเดินหายใจแห้ง

-ใส่ผ้าปิดปาก เพราะผ้าปิดปากจะช่วยเก็บความชื้นและความอุ่นของลมหายใจ ทำให้ทางเดินหายใจชื้นและชุ่มชื้น

-ดื่มน้ำเปล่ามากๆ

-วางแก้วน้ำไว้ใกล้ ๆ ตัว ในห้องนอน ห้องนั่งเล่น และโต๊ะทำงาน

-ใช้วาสลีนทาเล็กน้อยบริเวณโพรงจมูก

ดูแลตัวเอง เมื่อเริ่มป่วย

1.นอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น

2.รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยให้เลือกทานอาหารย่อยง่าย และเลือกทานผักผลไม้สด

3.ล้างจมูก เมื่อจามบ่อยๆ หรือรู้สึกคัดจมูก เพื่อล้างสารคัดหลั่งออกจากจมูก โดยให้ใช้น้ำเกลือ 0.9 เปอร์เซ็นต์ หรือน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว 750 ซีซี ผสมเกลือแกง 2 ช้อนชา ใส่ในหลอดฉีดยาขนาด 10 ซีซี (ไม่มีเข็ม) จากนั้นก้มหน้าอ้าปากและกลั้นหายใจ แล้วจึงฉีดน้ำเกลือเข้าไปในจมูกข้างละ 2-3ครั้ง ทำทั้งเช้าและเย็น จนอาการดีขึ้น

4.ควรพบแพทย์ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ไข้ไม่ลด และรู้สึกปวดกล้ามเนื้อ เนื่องจากอาจเป็นไข้หวัดใหญ่ ส่วนไข้หวัดธรรมดามักมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม และคันคอเป็นอาการเด่น แต่ไม่ค่อยมีไข้สูงมากนัก

แม้ว่าการใช้เครื่องปรับอากาศจะดูเหมือนมากด้วยข้อเสียที่พร้อมบั่นทอนสุขภาพของคุณ แต่ถ้าเรารู้จักใช้อย่างถูกวิธีและมีการป้องกันตนเอง เช่น ออกไปสูญอากาศบริสุทธิ์ภายนอก หรือติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ ไม่ว่าอากาศจะร้อนจนต้องพึ่งแอร์สักกี่เครื่อง สุดท้ายแล้วสุขภาพที่ดีก็จะไม่หนีไปไหน

ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.infoติดตามบทความ สุขภาพ หรืออ่าน แมกกาซีน

ที่มาข้อมูล : www.e-magazine.info

ข้อมูลโดย : www.e-magazine.info