ผู้เขียน หัวข้อ: คืบคดีทำร้ายรปภ.สมองบวมโคม่า 2 คู่กรณีเป็นช่างซ่อมรถ  (อ่าน 1049 ครั้ง)

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 2325
    • อีเมล์




จากกรณีที่โลกออนไลน์แชร์คลิป รปภ.คอนโด ถูก 2 คนร้ายบุกเข้ามาทำร้ายร่างกายขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยคาดว่าสาเหตุมาจากปัญหาเรื่องที่จอดรถ อีกทั้งยังมีการระบุด้วยว่า ตำรวจไม่รับแจ้งความ (อ่านข่าว : คลิปทำร้ายรปภ.ขณะปฎิบัติหน้าที่ เหตุเพราะเรื่องที่จอดรถ)

ความคืบหน้าล่าสุด (2 ก.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ยุทธพิชัย โพธิ์รุ่ง ได้รับแจ้งจาก นางภัสสภร อายุ 47 ปี พนักงานขับรถสองแถวปากน้ำระยองว่า นายจรัญ อายุ 50 ปี พี่ชายของตนเอง ทำงานเป็น รปภ.ของคอนโดแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ ถ.สุขุมวิท ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง ถูกทำร้ายร่างกายขณะปฎิบัติหน้าที่ในคอนโด จนอาการสาหัส สมองบวม ยังไม่รู้สึกตัว ขณะนี้รักษาตัวที่ รพ.ระยอง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

นางภัสสภร เล่าว่า พี่ชายทำงานเลี้ยงดูพ่อแม่ เพราะไม่มีครอบครัวไม่มีภรรยา เป็นคนที่ไม่เคยมีปากมีเสียงทะเลาะกับใครไม่เคยเถียงใคร เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ตั้งใจทำงาน หาเงินให้แม่หมด กลับต้องมาเจอเหตุการณ์ที่รุนแรงจนเป็นตายเท่ากันแบบนี้ วอนถามว่าทำไมต้องทำร้ายพี่ชายของตนขนาดนี้ รุมตีจนสมองตาย อยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น จนแม่ต้องมาทุกข์ใจกับสภาพที่เป็นแบบนี้ คนที่ทำก็ขอให้มารับผิดชอบด้วย คนดีทำมาหากินสุจริตต้องมาเป็นแบบนี้ จิตใจคนทำทำด้วยอะไรถึงใจร้ายขนาดนี้

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 1 ก.ย. นายจรัญ กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ปรากกฎว่าได้มีสองคนร้ายวิ่งเข้ามาทำร้ายทั้งชกต่อยกระทืบและตีด้วยท่อนเหล็กจนล้มแน่นิ่งจมกองเลือดบนถนนหน้าคอนโด แต่หลังจากนั้นเพื่อน รปภ.และชาวบ้าน ได้วิ่งเข้ามาช่วยห้ามและช่วยกันจับคนร้ายทั้งสองคนไว้ได้ในสภาพที่สะบักสะบอมทั้งคู่

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความไว้ก่อน แต่ต้องรอให้คนร้ายทั้งสองรายอาการดีขึ้นจึงจะทำการสอบสวน และแจ้งข้อหาทำร้ายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะหลักฐานจากกล้องวงจรปิดเห็นชัดเจนว่าบุกเข้ามาทำร้ายผู้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่จะถูกรุมจับจนได้รับบาดเจ็บเช่นกัน โดยทราบภายหลังว่าผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน เป็นช่างซ่อมรถอยู่ที่อู่ซ่อมรถข้างคอนโด ส่วนสาเหตุยังไม่แน่ชัดต้องรอสอบสวนอีกครั้ง เนื่องจากได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย

ส่วนสาเหตุที่ว่าตำรวจไม่รับแจ้งความนั้น ความจริงรับเรื่องไว้แล้ว แต่ต้องให้ผู้ต้องหาทั้งสองอาการดีขึ้นก่อนจึงจะควบคุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป










ที่มา:http://www.sanook.com/