ผู้เขียน หัวข้อ: พ่อหื่นปลุกปล้ำลูกในไส้วัย 14 ปี อ้างทำแค่กอดหอมแก้ม  (อ่าน 194 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  (10 พ.ย.) ที่กองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันสอบปากคำ นายศักดิ์ชัย อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุอนาจาร และพยายามข่มขืน เด็กหญิงเอ (นามสมมติ) ลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง วัย 14 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา

โดยตำรวจติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้เมื่อช่วงสายของวันนี้ ที่บริเวณสถานที่ก่อสร้างภายในวัดกุดขมิ้น ตำบลกุดขมิ้น อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ขณะที่ผู้ต้องหาหลบหนีมาทำงานก่อสร้างในพื้นที่ดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 พ.ย. นายเรืองฤทธิ์ บุญกัน กำนันตำบลโคกกุง อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ได้พาตัวคุณยายของเด็กหญิงเอ พร้อมด้วยเด็กหญิงเอ และญาติๆ เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แก้งคร้อ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายศักดิ์ชัยผู้ต้องหา

ซึ่งเด็กหญิงเอให้การว่า ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงกลางคืนของวันที่ 4 พ.ย. ขณะที่เด็กหญิงเอกำลังนั่งเล่นอยู่ภายในบ้าน นายศักดิ์ชัยผู้เป็นพ่อแท้ๆ ของตนเองได้เดินเข้ามาด้านหลัง และใช้มือ 2 ข้างกอด และหอมแก้มตนเอง โดยมีกลิ่นสุราคละคลุ้ง


จากนั้นพ่อได้ใช้มือบีบขยำไปที่หน้าอกของตน และพยายามใช้กำลังบังคับปลุกปล้ำเพื่อหวังข่มขืนตน ตนจึงต่อสู้และได้ใช้เท้าถีบพ่อจนหนีรอดออกมาได้ ตนจึงได้นำเรื่องดังกล่าวไปบอกยาย และญาติๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีกับพ่อของตัวเอง

ซึ่งตามปกติเด็กหญิงเอจะอาศัยอยู่บ้านพักกับยาย และน้องชายวัย 7 ปี รวมกัน 3 คน ขณะที่แม่ของเด็กหญิงเอได้เสียชีวิตไปแล้วประมาณ 5 ปี ส่วนนายศักดิ์ชัยผู้ต้องหาก็ตระเวนหาทำงานรับจ้างทั่วไป และนานๆ ครั้งถึงจะกลับไปเยี่ยมลูกสาว และลูกชายที่บ้านแม่ยาย

ขณะที่ นายศักดิ์ชัย ผู้ต้องหา ให้การภาคเสธว่า ไม่ได้มีเจตนาจะลวนลามข่มขืนลูกสาวแต่อย่างใด และอ้างว่าขณะเกิดเหตุลูกสาวได้มาขอยืมโทรศัพท์มือถือเพื่อโทรหาเพื่อน ตนจึงดุว่าอย่าโทรหาเพื่อนผู้ชาย ทำให้ลูกสาวมีอาการโกรธ ตนจึงโอบกอด และหอมแก้มลูกสาวเพียงเท่านั้น

ทั้งนี้ ตำรวจไม่เชื่อในคำให้การ และได้แจ้งข้อหากระทำอนาจารกับเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี พร้อมกับประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แก้งคร้อ รับตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ที่มาhttp://news.sanook.com