ผู้เขียน หัวข้อ: ลดน้ำหนักแบบไม่ออกกำลังกายได้ไหม  (อ่าน 955 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์
ลดน้ำหนักแบบไม่ออกกำลังกายได้ไหม
« เมื่อ: มีนาคม 29, 2018, 10:22:31 am »





อยากผอม อยากตัวเบา แต่ไม่อยากออกกำลังกายอ่ะ! ความไม่ชอบออกกำลังกาย เป็นอุปสรรคยิ่งใหญ่ของสาวๆ ที่อยากลดน้ำหนัก น้ำหนักก็อยากลด แต่ไม่อยากเหนื่อย เบื่อกับการออกกำลังกาย เมื่อล้าสารพัดจะเป็นไปได้ไหม ถ้าจะลดน้ำหนักโดยไม่ต้องออกกำลังกาย ขอคุมอาหารเฉยๆ แล้วถ้าทำได้จะส่งผลอะไรต่อร่างกาย โดยเฉพาะสุขภาพในภายภาคหน้าหรือเปล่านะ

 

 

อยากลดน้ำหนักแต่ไม่อยากออกกำลังกาย

 

พื้นฐานสำคัญแห่งการลดน้ำหนักแบบถูกวิธี คือ การลดจำนวนไขมันในร่างกายลง และรักษามวลกล้ามเนื้อไว้ได้ มีสุขภาพที่แข็งแรง และควบคุมพลังงานที่ได้รับจากอาหารควรน้อยกว่าพลังงานที่ใช้ไปในแต่ละวัน เหล่านี้ถือเป็นวิถีแห่งการลดน้ำหนักอย่างถูกต้อง หากถามว่า สามารถลดน้ำหนักโดยไม่ต้องออกกำลังกายได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้ แต่ไม่เสมอไป

 

 

เนื่องจากความอ้วนเกิดจากหลายสาเหตุร่วมกัน เช่น พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เกินพอดี ขาดการออกกำลังกาย หรือมีกิจกรรมทางกายน้อย รวมถึงปัญหาทางด้านพันธุกรรม หรือมีระดับฮอร์โมนบางชนิดผิดปกติ ก็อาจทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปได้ยากขึ้น ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าปัจจัยในการลดน้ำหนักที่สามารถกำหนดเองได้นั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ การออกกำลังกายและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน

 

 

ดังนั้น หากเรายังไม่สามารถออกกำลังกายได้ตามที่ต้องการ สิ่งแรกที่ควรทำ คือ การลดปริมาณการรับประทานให้น้อยลง หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานใหม่นั่นเอง

 

 

พฤติกรรมที่ใช่ สำหรับคนอยากลดน้ำหนัก

 

1.ลดอาหารไขมันสูงประเภทต่างๆ เช่น ของทอด ของมัน หรืออาหารจานเดียว ที่มีการใช้น้ำมันประกอบอาหารในประมาณมาก เช่น ข้าวผัด ผัดไทย ผัดซีอิ๊ว หรือแม้กระทั่งไข่ดาว ไข่เจียว ที่ให้พลังงานต่อฟองถึง 200-250 กิโลแคลอรี เมื่อเทียบกับไข่ต้มที่ให้พลังงานเพียง 75 กิโลแคลอรี

 

 

2.ลดทานขนมเบเกอรี่ทุกประเภท โดยเฉพาะจำพวกทาร์ต พัฟ พาย ขนมปังใส่ไส้ และเค้ก เป็นต้น เนื่องจากมีส่วนประกอบของไขมันและน้ำตาลในปริมาณมาก

 

 

3.ลดพฤติกรรมรับประทานจุบจิบกินเล่นอื่นๆ เช่น ขนมถุงกรุบกรอบ และขนมหวานต่างๆ

 

 

4.เลี่ยงการเติมน้ำตาล หรือปรุงรสชาติในอาหารที่มากเกินไป เช่น ใส่น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะลงในก๋วยเตี๋ยว

 

 

5.ควบคุมปริมาณการรับประทานอาหารในมื้อหลักไม่ให้มากเกินพอดี เช่น ไม่รับประทานข้าวมากกว่า 1 จานต่อมื้อ เป็นต้น

 

 

6.รับประทานผัก ผลไม้ และธัญพืช ไม่ขัดสีให้มากขึ้น เพราะเป็นอาหารที่มีกากใยสูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มไวขึ้น และหิวช้าลง เนื่องจากการเคี้ยวอาหารที่นานขึ้น และการรับประทานอาหารเสร็จช้าลง ทำให้สมองรับรู้ว่าอิ่มแล้ว นอกจากนี้กากใยอาหารยังมีส่วนช่วยชะลอการย่อยและดูดซึมสารอาหาร

 

 

7.เลือกรับประทานเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เนื่องจากกระเพาะอาหารใช้เวลาย่อยเนื้อสัตว์ถึง 3-4 ชั่วโมง และการรับประทานเนื้อสัตว์ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยรักษาปริมาณกล้ามเนื้อในร่างกายขณะลดน้ำหนักไว้ได้

 

 

8.งดอาหารที่ได้ชื่อว่า Empty Calories หรือ อาหารที่ให้พลังงาน แต่ไม่มีคุณค่าทางสารอาหารอื่นๆ เลย เช่น เครื่องดื่มรสหวานใส่สีต่างๆ เพราะโดยทั่วไปแล้ว อาจมีปริมาณน้ำตาลเทียบเท่า 9-12 ช้อนชาต่อขวดเลยทีเดียว

 

 

จึงไม่น่าแปลกใจว่าเพราะเหตุใดผู้ที่ยังดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้ จึงน้ำหนักลงยาก และทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานอีกด้วย

 

 

9.ลดหรืองดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ 1 กรัม มีพลังงานถึง 7 กิโลแคลอรี ซึ่งมากกว่าน้ำตาลปริมาณ 1 กรัม ที่มีพลังงานอยู่ที่ 4 กิโลแคลอรีและเบียร์ 1 ขวด (ปริมาณ 700 ซีซี) ที่มีแอลกอฮอล์ 5 เปอร์เซ็นต์ จะมีพลังงานถึง 245 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว ที่สำคัญคือการดื่มแอลกอฮอล์ยังทำให้เสี่ยงต่อภาวะตับแข็ง และมะเร็งตับได้เช่นกัน

 

 

นอกจากการลดปริมาณการรับประทานอาหาร และเลือกการรับประทานให้มากขึ้น ผู้ลดน้ำหนักควรฝึกรับประทานอาหารให้ตรงเวลา ไม่ข้ามมื้ออาหาร เพราะจะทำให้รู้สึกหิวมากขึ้นในมื้อต่อไป ปรับสภาพแวดล้อมรอบตัว เช่น ไม่กักตุนขนมทานเล่นไว้มมากเกินจำเป็น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และควรทำจิตใจให้ผ่อนคลาย ห่างจากความเครียดอยู่เสมอ

 

 

ผลข้างเคียงเสี่ยงโยโย่ไหม?

 

การลดน้ำหนักแบบไม่ออกกำลังกาย ย่อมมีความเสี่ยงที่มากกว่าการลดน้ำหนักแบบออกกำลังกายอยู่แล้ว อาทิเช่น

 

• สูญเสียกล้ามเนื้อได้ง่าย

 

 

• รูปร่างไม่เฟิร์ม ไม่แข็งแรงเท่ากับคนที่ออกกำลังกาย

 

 

• อัตราการเผาผลาญ (Metabolic rate) ลดลง เนื่องจากการรับประทานอาหารที่ลดลง

 

 

ทั้งยังมีโอกาสกลับมามีน้ำหนักสูงขึ้นซ้ำเดิมได้อีกด้วย เพราะเมื่อเวลาผ่านไปร่างกายจะปรับอัตราการเผาผลาญให้ลดลงตามปริมาณการทาน หากกลับมารับประทานอาหารในปริมาณปกติ ร่างกายจะได้รับพลังงานมากกว่าอัตราการเผาผลาญในขณะนั้น ทำให้กลับมาอ้วนใหม่ได้เร็วขึ้น แตกต่างกับผู้ที่ลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกาย ที่ยังคงมีอัตราการเผาผลาญที่มาก ทำให้รักษาสภาวะน้ำหนักตัวที่ต้องการต่อไปได้ง่ายกว่า สำหรับปัญหาผิวหนังหย่อยยานจากการลดน้ำหนักนั้น การดื่มน้ำจะช่วยลดปัญหาผิวที่ไม่กระชับได้ ทั้งนี้การออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการลดปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

 

การลดน้ำหนักโดยไม่ออกกำลังกาย เหมาะสมกับผู้ที่ค่อนข้างใช้แรงมากในกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว แต่หากไม่มีเวลาออกำลังกายจริงๆ อย่างน้อยควรเพิ่มการเคลื่อนไหวระหว่างวันให้มากขึ้น เช่น เดินไป-กลับที่ทำงาน ขึ้นบันไดแทนขึ้นลิฟท์ เป็นต้น แม้จะมีวิธีส่งเสริมการลดน้ำหนักฉบับไม่ออกกำลังกายค่อนข้างมาก แต่การออกกำลังกายยังเป็นตัวช่วยสำคัญที่ควรทำอยู่ดี เพราะนอกจากคุณจะผอมสวยสมใจแล้ว ยังแข็งแรงจากภายในและปลอดโรคภัยไข้เจ็บอีกด้วย อีกทั้งที่การคุมน้ำหนักยังเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีใครลดได้ในเวลาอันรวดเร็ว ความมุ่งมั่นตั้งใจจึงเป็นส่วนประกอบสำคัญ หาแรงบันดาลใจให้ได้ก่อนดีที่สุดค่ะ

 





ที่มา...http://health.haijai.com