ผู้เขียน หัวข้อ: สาเหตุของกลิ่นตัว กลิ่นเหงื่อ เกิดจากอะไร  (อ่าน 1222 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์





ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนชื้น หลายต่อหลายคนจึงมีปัญหาเหงื่อออกมากผิดปกติ จนสร้างความรำคาญ ทำให้บางคนเกิดปัญหาในการดำเนินชีวิตประจำวันหรือในการทำงาน เพราะต่อให้คุณ หน้า ผม เป๊ะ สวย หล่อ ขนาดไหน แต่ถ้าเหงื่อไหลออกมามาก ก็ทำให้สูญเสียความมั่นใจได้เหมือนกัน และถ้ายิ่งทำกิจกรรมกลางแงทั้งวัน นอกจากเหงื่อที่ทำให้เราสูญเสียความมั่นใจแล้ว ยังส่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ที่ทำให้ไม่อยากอยู่ใกล้กับใครเลยอีกด้วย

 

 

เหงื่อของคนเรา เกิดจากการหลั่งของต่อมเหงื่อ โดยการหลั่งเหงื่อเป็นกลไกการขับของเสียให้ออกทางผิวหนัง หรือใช้เพื่อระบายความร้อน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากเราอยู่ในที่อากาศร้อน หรือมีอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ก็จะมีเหงื่อออก อันนี้เป็นวิธีการระบายความร้อนอย่างหนึ่ง พร้อมกับขับของเสียต่างๆ ออกมากับเหงื่อ

 

 

ตัวที่สร้างเหงื่อจะเรียกว่าต่อมเหงื่อ จริงๆ ต่อมเหงื่อมีอยู่ทั่วผิวหนังบนร่างกาย แต่บางตำแหน่ง มีต่อมเหงื่อสะสมอยู่บริเวณนั้นเป็นจำนวนมากกว่าปกติ เช่น บริเวณหนังศีรษะ รักแร้ และฝ่ามือฝ่าเม้า เวลาที่เราเหงื่อออกจะออกพร้อมกันทั้งตัว แต่บางตำแหน่งที่มีต่อมเหงื่ออยู่รวมกันมากเป็นพิเศษ ก็จะมีปริมาณของเหงื่อมาก ทำให้เราสังเกตได้มากกว่าที่อื่น

 

 

ที่มาของกลิ่นตัว

 

คนที่มีเหงื่อออกมากๆ แล้วมีกลิ่นตัวตามมา สาเหตุเกิดจากแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนัง ไม่ใช่กลิ่นของเหงื่อ ในเหงื่อของคนเราจะมีสารหลายอย่างปนออกมารวมทั้งไขมัน ซึ่งแบคทีเรียชอบ แบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนัง พอมีเหงื่อตรงบริเวณไหน แบคทีเรียก็จะไปอยู่ตรงนั้นมากเป็นปกติ และแบคทีเรียกลุ่มนี้มักจะสร้างกลิ่นขึ้นมา เพราะฉะนั้นเราจะสังเกตเห็นว่า คนที่มีเหงื่อเยอะ บริเวณที่มีอาการอับชื้น เช่น รักแร้ ก็จะมีกลิ่นตัวตามมาได้ ในขณะที่คนที่มีเหงื่ออกมากเฉพาะฝ่ามือ ฝ่าเท้า ก็อาจจะไม่มีกลิ่นเหม็น เพราะฝ่ามือและฝ่าเท้าเกิดการอับชื้นขึ้นได้ยาก

 

 

สาเหตุของกลิ่นตัว เกิดจากอะไรบ้าง

 

1.เกิดจากการที่เหงื่อออกมามาก และมีแบคทีเรียสะสมอยู่ในบริเวณที่เหงื่อออกมานั้น เลยทำให้เกิดกลิ่นบริเวณที่เหงื่อออกเยอะ

 

 

2.การทานอาหาร อย่างเช่น พวกกระเทียม เวลาเราทานเข้าไป จะเป็นปัจจัยทำให้เหงื่อมีกลิ่นออกมา ถ้าเราสังเกต คนเกาหลี จะทานพวกกิมจิ อาหารที่ดอง กลิ่นเหงื่อของเค้าจะบ่งบอกว่าเป็นชาติอะไรทันที หรือสัญชาติอินเดีย พวกนี้เป็นอาหารบางอย่างที่เป็นเครื่องเทศ ที่มีกลิ่นรุนแรง ทำให้เวลาทานเข้าไป ทำให้มีกลิ่นที่ค่อนข้างแรง เรื่องอาหาร ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้อง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ปัจจัยหลักก็ตาม

 

 

3.การป่วยเป็นโรคบางอย่าง อาจทำให้มีกลิ่นเฉพาะตัวออกมาได้

 

 

การลดกลิ่นตัว

 

ส่วนใหญ่แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อลดปัญหาการอับชื้น ถ้าหากว่ามีเหงื่อออก ก็ควรอาบน้ำทำความสะอาด เพราะการที่ใช้สบู่ที่มีสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียก็จะช่วยได้ เพราะพวกนี้ทำให้แบคทีเรียลดลง กลิ่นก็จะหาย และหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศร้อน ก็จะลดปริมาณเหงื่อลง ก็จะลดกลิ่นตัวได้

 

 

การลดเหงื่อโดยใช้วิถีทางการแพทย์

 

การลดปริมาณเหงื่อ สำหรับคนที่มีเหงื่ออกเป็นจำนวนมาก คนเหล่านี้จะเป็นคนที่เหงื่ออกมากจนรำคาญ เช่น คนที่ตื่นเต้นมาก แล้วเหงื่อจากฝ่ามือเยอะๆ จัดได้ว่าเป็นคนเหงื่อเยอะ แต่ไม่มีกลิ่น ซึ่งก็จะมีวิธีลดเหงื่อได้หลายแบบ

 

1.ยาทา จะใช้ยา 20 เปอร์เซ็นต์ อลูมิเนียมคลอไลน์ จะเป็นยาน้ำที่เอาไว้ทาบริเวณที่มีเหงื่อออกมากๆ อย่างบางคนที่มีเหงื่อที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้าออกมาปริมาณมากๆ เราจะใช้กลุ่มยาพวกนี้ทาไปตรงบริเวณที่มีเหงื่อ แต่การทายาเพื่อลดเหงื่อจะใช้เวลานานกว่าจะได้ผล หรือบางครั้งถ้าลดเหงื่อก็ลดได้แค่ 10-20 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น

 

 

2.การใช้ Tap water iontophoresis ใช้สำหรับลดปริมาณเหงื่อที่ฝ่ามือฝ่าเท้า จะเป็นเครื่องที่เราสามารถเอามือ เอาเท้ามาแช่ลงไปในเครื่องได้ โดยจะต้องมาแช่สัปดาห์ละครั้ง ประมาณ 7-10 ครั้ง อัตราการลดเหงื่อจะอยู่ได้ 20-30 เปอร์เซ็นต์ แต่การใช้เครื่องมือนี้ก็ไม่สามารถลดเหงื่อที่ออกมากที่ผิวหนังบริเวณอื่น เช่น รักแร้ ได้

 

 

3.การฉีดยาโบทูลินั่มท็อกซิน ซึ่งยาชนิดนี้เราเอาไว้สำหรับลดรอยย่น แต่เราพบว่าหลังจากที่ฉีดเข้าไปบริเวณต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อบริเวณนั้นลดลงได้  ข้อดีของ โบทูลินั่มท็อกซิน คือ ได้ผลดี 80-90 เปอร์เซ็นต์ และมีฤทธิ์อยู่นานถึง 6 เดือน แต่ข้อเสียของวิธีนี้คือเจ็บ เพราะจะต้องใช้เข็มฉีดยา ฉีดยาเข้าไปทั่วบริเวณที่ต้องการลดเหงื่อลง แล้วตามตำแหน่งที่ฉีดยาลงไปก็จะเจ็บ อีกอย่างยาตัวนี้จะมีราคาค่อนข้างสูง ในขณะที่ยาทาอาจจะขวดละ 100-200 บาท ยาโบทูลินั่มท็อกซินที่ใช้การฉีดแต่ละครั้ง ราคาอาจสูงถึงหลักหมื่นบาท เพราะฉะนั้นราคาก็จะแพงมาก

 

 

4.การผ่าตัดเส้นประสาทที่สั่งให้มีการหลั่งของเหงื่อ การผ่าตัดนั้นจะผ่าตัดตรง บริเวณต่อมเหงื่อ ซึ่งต่อมเหงื่อจะมีระบบประสาทไปเลี้ยง ส่วนใหญ่เราจะใช้รักษาภาวะเหงื่อออกมากที่รักแร้ แต่ปัญหาของการผ่าตัดก็คือว่า จะเกิดรอยแผลจากการผ่าตัด หรืออาจเกิดอันตรายต่อเส้นเลือดและเส้นประสาทที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้น ผลการรักษาขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละคนและความชำนาญของศัลยแพทย์

 

 

เทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ในการลดเหงื่อ

 

ในปัจจุบันจะมีเครื่องมือที่ใช้เพื่อลดเหงื่อเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องไมโครเวฟ หรือ อัลตราซาวด์ เครื่องมือเหล่านี้ใช้หลักการในการปล่อยพลังงานความร้อน ไปที่ผิวหนังบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก โดยหวังว่าพลังความร้อนนี้จะไปทำลายต่อมเหงื่อให้ได้หมด กลุ่มพวกนี้ ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการทำวิจัย การทำ 1 ครั้ง จะลดปริมาณเหงื่อได้ถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ และอยู่นานเป็นปีขึ้นไป เพียงแต่ปัญหาของเครื่องพวกนี้ คือ ต้นทุนจะแพงมาก ค่าใช้จ่ายในการรักษาจะสูงมากถึง หลักแสน เครื่องมือที่เราใช้กลุ่มสุดท้ายในการลดเหงื่อ คือ เครื่องเลเซอร์หรืออัลตราซาวด์สลายไขมัน ที่จริงเครื่องมือเหล่านี้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้สลายไขมัน แต่ภายหลังเครื่องมือพวกนี้กลับได้รับความนิยมในการเอามาใช้เพื่อลดปริมาณเหงื่อ เพราะต้นทุนถูก ไม่ต้องเสียเงินเป็นแสนๆ และลดปริมาณเหงื่อได้มาก เป็นระยะเวลานานเป็นปีเช่นกัน แต่มีข้อเสียคือ เลเซอร์หรืออัลตราซาวน์ สลายไขมันนี้จะปล่อยพลังงานความร้อนจากสายไฟเบอร์ ระหว่างที่ทำการรักษาจะต้องเจาะรูไปใต้ผิวหนัง เพื่อสอดสายลงไปใต้ผิวหนังบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก หลังจากนั้น ก็ยิงให้พลังงานความร้อน ในส่วนตรงนี้จะเข้าไปทำลายต่อมเหงื่อที่อยู่ใต้บริเวณนั้น ซึ่งวิธีนี้ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่า เมื่อเทียบกับเครื่องไมโครเวฟหรืออัลตราซาวน์ ที่ถูกออกแบบมาสำหรับลดปริมาณเหงื่อโดยเฉพาะ

 

 

ขั้นตอนในการลดเหงื่อ

 

เลเซอร์ชนิดที่ไมต้องเจาะรู เริ่มแรกจะต้องฉีดยาชาลงไป เพราะพวกนี้จะเจ็บ แล้วก็จะใช้ตัวอัลตร้าซาวน์ หรือ ไมโคเวฟยิงลงไป ตามบริเวณผิว หรือ บริเวณตำแหน่งที่ต้องการกำจัดเหงื่อ แต่ก่อนทำจะมีวิธีการทดสอบว่าต่อมเหงื่ออยู่ทางไหนบ้าง เรียกว่า ไอโอดายสตาร์ทเทส คือ เราจะใช้คนไข้เช็ดเหงื่อ ตรงบริเวณที่มีเหงื่อให้แห้ง โรยแป้งข้าวโพดลงไปบนรักแร้ เสร็จแล้ว ทาเบตาดีน แล้วให้คนไข้ไปออกกำลังกาย หรือไปวิ่ง ตำแหน่งที่มีเหงื่อออกมา ตรงบริเวณที่เราทาไอโอดีนที่เป็นสีเหลืองๆ อยู่จะกลายเป็นสีม่วง ให้เห็นว่าเหงื่อจะอยู่บริเวณแถวนี้ เพราะฉะนั้นเราก็จะทำสัญลักษณ์ได้ว่า เหงื่อคนไข้อยู่แถวๆ นี้ ถ้าเราจะฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน ก็ฉีดลงไปในวงนั้น หรือถ้าเราจะทำตัว อัลตร้าซาวต์ หรือไมโครเวฟ เราก็จะยิงตรงเส้นสีม่วงตรงนั้น เหมือนกัน ถ้าเราจะใช้เลเซอร์ตัวสลายไขมัน เราก็ทำการเจาะรูเข้าไป แล้วเราก็ไปรักษาจากพื้นผิวตรงบริเวณนั้น ส่วนใหญ่จะเจาะแค่ 1-2 รู จะใช้เวลา 30 นาทีต่อข้าง

 

 

ผลที่ได้รับหลังการรักษาด้วยเครื่องเลเซอร์หรืออัลตราซาวน์สลายไขมัน หลังการรักษาด้วยเลเซอร์หรืออัลตราซาวน์สลายไขมันบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก เหงื่อบริเวณนั้นจะลดลงไปได้ประมาณ 60-70% แต่ถ้าคนไข้บางคนยังมีเหงื่อเหลืออยู่อีกมาก จนคนไข้รู้สึกรำคาญค่อยมาทำเพิ่ม แต่เราก็ควรจะทำการทดสอบก่อนว่า มีปริมาณเหงื่อออกที่ตรงไหนจะได้รักษาเฉพาะบริเวณนั้น

 

 

ข้อจำกัดของเลเซอร์หรืออัลตราซาวน์สลายไขมันในการลดปริมาณเหงื่อ การใช้เลเซอร์หรืออัลตราซาวน์สลายไขมันเพื่อลดปริมาณเหงื่อนั้น เหมาะกับการลดปริมาณเหงื่อในบางตำแหน่งเท่านั้น เช่น รักแร้ โดยไม่สามารถทำตรงบริเวณฝ่ามือฝ่าเท้าได้ เพราะการเจาะรูเพื่อทำการสอดท่อไฟเบอร์เข้าไปใต้ผิวหนัง อาจไปทำลายเส้นประสาทที่อยู่ใต้ผิวหนังได้

 

 

ในส่วนความเห็นของหมอคิดว่า จริงๆ แล้ว ปัญหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าสมมุติว่ามีปัญหาเรื่องกลิ่น บางทีอาจไม่จำเป็นต้องลดปริมาณเหงื่อ แค่เราทำความสะอาดผิวหนัง หรือลดแบคทีเรียที่ผิวลงก็ได้แล้ว แต่ถ้าเป็นปัญหาที่มาจากเหงื่อจริงๆ เราก็มีวิธีการทำการทดสอบเหงื่อว่า มีจำนวนมากหรือไม่ บางครั้งการที่มีเหงื่อออกแต่ละที่ มีวิธีในการรักษาต่างกัน ซึ่งต้องเลือกวิธีที่เหมาะสม ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังจะดีที่สุดค่ะ





ที่มา...http://women.haijai.com/3742/