ผู้เขียน หัวข้อ: วิตามินหรืออาหารเสริม มีความจำเป็นหรือไม่  (อ่าน 1337 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์





ใครๆก็ต้องการมีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว และดูอ่อนกว่าวัย จึงสรรหากลเม็ดในการชะลอวัย และเสริมความแข็งแรงด้วยวิธีต่างๆนานา ในขณะที่หลายคนอาจตั้งข้อสงสัยว่า ที่เรากินวิตามินหรืออาหารเสริมเข้าไปอย่างมากมายนั้น แท้จริงแล้วเราได้รับวิตามินมากเกินไป หรือวิตามินนั้นไปเสริมส่วนที่ขาดจริงหรือไม่

ขอทําความเข้าใจก่อนว่า ความนิยมในการกินวิตามินเริ่มขึ้นในยุโรปและอเมริกา เพราะผู้คนมีพฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่เหมาะกับสุขภาพ จนมีผู้ป่วยมากมาย จึงเท่ากับเปิดช่องทางให้บริษัทอาหารเสริมทั้งหลายใช้จุดอ่อนนี้เป็นแผนการตลาด โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ป่วยโดยตรง และในที่สุดจึงขยายมาสู่กลุ่มคนปกติทั่วไป โดยอ้างว่าต้องได้รับอาหารเสริมเท่านั้นเท่านี้เพื่อสุขภาพที่ดี โดยไม่บอกว่าแหล่งที่มาของวิตามินเหล่านั้นมาจากการกินอาหารอะไรบ้าง เมื่อหลายปีก่อนคุณอาจจะเคยได้ยินข่าวสะเทือนวงการอาหารเสริมในสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก เมื่อนักกีฬาซีอดังเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุขณะฝึกซ้อม ซึ่งเขามีอายุเพียง 23 ปีเท่านั้น และพบอาหารเสริมชนิดหนึ่งที่มีส่วนผสมของ Ephedro อยู่ในล็อกเกอร์ของเขา จึงทําให้องค์การอาหารและยา ทบทวนการใช้อาหารเสริมดังกล่าว

ควรกินวิตามินหรืออาหารเสริมหรือไม่
ดังนั้น หากคุณต้องการกินอาหารเสริมก็อย่าได้หลงเชื่อเพียงคำโฆษณาถึงประโยชน์อันมากมาย ควรพึงระวังผลเสียด้วย เพราะถ้ากินมากและกินติดต่อนานเกินไป อาจเป็นอันตรายได้ ยกตัวอย่างการกินวิตามินบี 6 ทุกวันเกินวันละ 10 มิลลิกรัม อาจทําให้สูญเสียความรู้สึกที่มือและเท้าได้ หรือกินสารเบต้าแคโรที่มีขนาดสูง โดยกินติดต่อกันนานๆ ก็อาจกระตุ้นมะเร็งในผู้สูบบุหรี่ได้เหมือนกัน อย่างที่เราทราบกันดีว่าหากกินอาหารให้หลากหลาย จะพบว่าการขาดสารอาหารนั้นมีน้อยมาก และแทบไม่มีความจําเป็นในการกินอาหารเสริมเลย ขณะที่กลุ่มคนที่ขาดสารอาหาร มักเกิดในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เพราะไม่สามารถเลือกกินอาหารได้ครบถ้วน หรือบางรายก็กินอาหารเดิมๆ โดยเฉพาะอาหารจานด่วนทั้งหลาย

มาถึงตรงนี้หลายคนอาจนึกสงสัยว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายของเราควรได้รับวิตามินใดบ้าง ง่ายสุดเลยก็ต้องพิจารณาจากอาหารที่เราเลือกกิน ควรกินให้หลากหลาย รวมทั้งผักสดและผลไม้ (วิธีง่ายๆกินให้ครบ 5 สี) แต่ถ้าไม่สามารถเลือกได้ ก็ให้เลือกกินวิตามินที่ไม่สะสมในร่างกาย เพราะหากเกินความต้องการจะสามารถขับทิ้งได้ เช่น วิตามิน B และ C แต่วิตามินที่กินแล้วสะสมได้ก็คือวิตามิน A, D, E, K ค่ะ

สำหรับคนที่กินวิตามินเป็นประจํา อย่าลืมลองสังเกตปริมาณที่ควรกินต่อวันด้วย เช่น วิตามินซีในปริมาณ 500-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นขนาดพอเหมาะที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน หรือแคลเซียม 2000 มิลลิกรัมต่อวัน เหมาะสําหรับสตรีวัยหมดประจําเดือน เพราะช่วยป้องกันกระดูกพรุนได้ หรือสาวขึ้นมาอีกนิดและกําลังตั้งครรภ์ แนะนำว่าให้กิน 1,500 มิลลิกรัมกำลังดีค่ะ ส่วนธาตุเหล็กนั้น โดยทั่วไปในคนปกติควรได้รับ วันละ 8-15 มิลลิกรัม ส่วนผู้ป่วยโลหิตจางที่ขาดธาตุเหล็ก ควรได้รับวันละ 50-100 มิลลิกรัมค่ะ

อย่างไรก็ตาม เราแนะนําว่า แทนที่คุณจะเลือกกินวิตามินสังเคราะห์ ก็ลองเลือกกินอาหารให้หลากหลายและมีคุณค่ามากขึ้นจะดีกว่านะคะ





ที่มา...https://www.health-th.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88/