ผู้เขียน หัวข้อ: โรคเบาหวานเกิดขึ้นได้อย่างไร  (อ่าน 1274 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์
โรคเบาหวานเกิดขึ้นได้อย่างไร
« เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2018, 10:11:45 am »





คุณคงจะเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “โรคเบาหวานเป็นฆาตกรเงียบ” นั่นก็เพราะว่ามันจะค่อยๆ เอาชีวิตคุณไปอย่างช้าๆ และกว่าจะรู้ตัวก็มักจะสายไปแล้ว ถึงแม้จะฟังดูเกินจริง แต่คำกล่าวนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำขู่ให้กลัว หากแต่แฝงความจริงเอาไว้ด้วย

 

 

เบาหวานชนิดที่ 2 มีความเกี่ยวพันกับโรคร้ายแรงต่างๆ  หลากหลายโรค หลายครั้งความสัมพันธ์นั้นก็มาในลักษณะของงูกินหาง เพราะเป็นการยากที่จะบอกได้ว่าโรคใดเกิดก่อนกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า เบาหวานเป็นตัวการที่ทำให้เกิดปัญหาต่อดวงตา ไต และหัวใจ และยังส่งผลกระทบไปถึงสุขภาวะโดยรวม และสุขภาพระยะยาวของคุณอีกด้วย

 

 

ในนี้เราจะนำคุณไปเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ เกี่ยวกับเบาหวานและผลกระทบ โดยมุ่งเน้นไปที่ผลกระทบต่อดวงตา และไขมันในเส้นเลือดที่ถึงแม้ว่า จะไม่ค่อยมีใครพูดถึงประเด็นนี้มากนัก แต่ว่าภาวะเหล่านี้ก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า ผลกระทบที่เกิดต่อหัวใจและไตเลย

 

 

ความเข้าใจเป็นบ่อเกิดและนำไปสู่การปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ที่จะทำให้คุณต่อสู้กับเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรามาเริ่มต้นการเรียนรู้กันดีกว่า ว่าเบาหวานนั้นแท้จริงแล้ว คืออะไร และเกิดจากอะไร

 

 

น้ำตาลกลูโคสคือตัวการของเรื่องนี้ทั้งหมด

 

ไม่เฉพาะคนไทยเท่านั้น คนส่วนใหญ่ทั่วโลกก็รักของหวานไม่แพ้กัน ไอศกรีมในวันที่อากาศร้อนๆ เค้กสักชิ้น หรือช็อกโกเลตในวันแย่ๆ แค่นี้ก็ทำให้คุณยิ้มออกแล้วใช่ไหมล่ะ? หรือจะเป็นน้ำแข็งใสเย็นๆ ราดด้วยซอสสตรอว์เบอร์รี่ หรือแม้กระทั่งขนมง่ายๆ อย่างโรตีราดน้ำตาลและนมข้นหวาน

 

 

นอกจากนี้ข้าวยังคงเป็นอาหารหลักที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของคนไทยทุกคน ของพวกนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายคุณได้รับในแต่ละวัน ซึ่งคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายรับเข้าไป จะถูกแปรสภาพไปเป็นน้ำตาล เพื่อให้ง่ายต่อการดูดซึมในระบบทางเดินอาหาร น้ำตาลเหล่านี้ก็คือแหล่งพลังงานหลักที่เราใช้ในการดำรงชีวิต กลูโคสเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยวที่ร่างกายต้องการ และยังเป็นตัวการของการเกิดโรคเบาหวานอีกด้วย

 

 

กลูโคสและอินซูลิน

 

หลายคนคงเคยรู้จักกับอวัยวะที่มีชื่อว่า “ตับอ่อน” ตับอ่อนเป็นต่อมไร้ท่อขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ตรงใต้ลิ้นปี่ แทรกตัวอยู่ระหว่างกระเพาะอาหารและกระดูกสันหลัง ตับอ่อนถูกจัดเป็นต่อมไร้ท่อ เนื่องจากมันมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่สำคัญหลายชนิด และหนึ่งในนั้นก็คือ “อินซูลิน” (Insulin)

 

 

อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญต่อการควบคุมระดับกลูโคสในเลือด หรือที่ถูกเรียกกันอย่างง่ายๆ ว่า “ระดับน้ำตาลในเลือด” ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากถ้ามีปริมาณกลูโคสในเลือดสูงเกินไป ในช่วงระยะเวลาที่นานพอ ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะหลายอย่าง เช่น ดวงตา เส้นประสาท ไต หลอดเลือด และหลายครั้งที่ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป้นความเสียหายอย่างถาวร

 

 

ปัญหาที่เกิดขึ้นเรียกว่า “เบาหวาน”

 

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า โรคเบาหวานนี้ มีผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญ 2 คน คือ กลูโคสและอินซูลิน ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาใดๆ ที่เกิดขึ้นกับตับอ่อน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอินซูลินที่สำคัญของร่างกาย หรือมีปัญหาใดๆ ที่ทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติในการตอบสนองต่อระดับของอินซูลิน จะนำไปสู่ภาวะกลูโคสในเลือดที่สูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น และเมื่อระดับกลูโคสพุ่งขึ้นสูงเกินกว่าระดับที่ปลอดภัย นั่นคือ.. ต้นกำเนิดของโรคเบาหวาน

 

เบาหวานชนิดที่ 1 เป็นเบาหวานที่เกิดจากความผิดปกติในตัวตับอ่อนโดยตรง นั่นคือ ตับอ่อนไม่สามารถที่จะผลิตอินซูลินออกมาให้เพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกาย ทำให้ไม่สามารถที่จะควบคุมระดับของน้ำตาลในเลือด ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ ภาวะเบาหวานชนิดที่ 1 มักเกิดในเด็กเล็กไปจนถึงวัยรุ่น และพบน้อยกว่าภาวะเบาหวานชนิดที่ 2 มาก

 

เบาหวานชนิดที่ 2 เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมคนเมือง ที่คนส่วนใหญ่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ ห่างไกลจากการออกกำลังกาย และอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ส่งเสริมให้เกิดโรคเบาหวาน เบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจากร่างกายมีอาการดื้อต่ออินซูลิน ทำให้การตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลินในระดับปกติลดลง ตับอ่อนจำเป็นต้องผลิตอินซูลินที่มากขึ้น เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้ได้เกณฑ์ตามเดิม

 

 

แต่เมื่อถึงในระดับหนึ่งที่ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลิน ให้เพียงพอต่อความต้องการอินซูลินที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ของร่างกายอีกต่อไป ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะพุ่งสูงขึ้นอย่างไร้การควบคุม ซึ่งภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemia) นั้นไม่ดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน เพราะน้ำตาลในเลือดที่สูงจนผิดปกติ จะส่งผลต่อเส้นเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ เช่น ดวงตา ไต เส้นประสาท ผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มีโอกาสสูงที่จะเกิดภาวะหมดสติจากน้ำตาลในเลือดสูง Hyperosmolar hyperglycemic state

 

 

ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงมากกว่าปกติไปมาก ทำให้เลือดเกิดความข้นหนืด และส่งผลให้มีภาวะการขาดน้ำอย่างรุนแรง

 

 

การปฏิบัติตัวเมื่อเป็นเบาหวานชนิดที่ 2

 

เมื่อถูกวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 แล้ว แพทย์มักจะแนะนำให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนอาหาร และวิถีชีวิต (Life style modification) เพื่อที่จะควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้แพทย์อาจสั่งยาที่จะช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดให้ควบคู่กัน ผู้ป่วยมีความจำเป็นจะต้องมาพบแพทย์เป็นประจำ เพื่อตรวจเช็คระดับน้ำตาล และภาวะแทรกซ้อนต่างๆ จากโรคเบาหวาน

 

 

นอกจากแพทย์แล้ว อีกคนหนึ่งที่จะช่วยให้คุณมีชีวิตอย่างปลอดภัย แม้จะป่วยเป็นเบาหวานก็คือ “ตัวของผู้ป่วยเอง” การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ การออกกำลังกาย รับประทานอาหารอย่างสมดุล และดูแลสุขภาพองค์รวมนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่จะปกป้องผู้ป่วยจากภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน




ที่มา...http://health.haijai.com/4460/