ผู้เขียน หัวข้อ: วิธีแก้อาการขับรถแล้วปวดหลัง ปวดไหล่  (อ่าน 1423 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์





จริงๆช่วงเวลาของมนุษย์นักขับ ควรจะเป็นเวลาที่มีความสุขเมื่อได้อยู่บนท้องถนนกับรถยนต์คันโปรด ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางในเมืองหรือถนนเส้นยาวในต่างจังหวัด แต่หลายคนกลับต้องเจอเรื่องน่าหงุดหงิดใจคล้ายๆกันคือ อาการปวดหลัง ปวดไหล่ เมื่อยเเขน เพราะฉะนั้น จงระวังหลังของคุณให้ดี!

อาการปวดหลังระหว่างขับรถ เกิดจากการเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณแผ่นหลังเป็นเวลานานในท่าเดิม แม้บนเก้าอี้ที่ถูกออกแบบมาสําหรับสรีระในการนั่งขับขี่ ส่วนโค้งของหลังส่วนเอวจะโค้งกลับทิศขณะนั่ง กล้ามเนื้อบ่าและไหล่ที่ต้องถูกเกร็งขึ้นเพื่อจับพวงมาลัยตลอดเวลา ประกอบกับการเพ่งมองไปข้างหน้าทําให้สายตาเกิดความเมื่อยล้า ทําให้เกิดความเครียด ส่งผลต่ออาการเกร็งของกล้ามเนื้อ เส้นประสาทต่างๆกับแรงกระทําต่อร่างกาย จากความเร่งในการเคลื่อนที่ แรงเหวี่ยง หรือแรงสั่นสะเทือนจากพื้นผิวถนน และยังต้องใช้เท้าเหยียบเบรค และคันเร่งที่จะสามารถใช้ในการช่วยทรงตัวเหมือนเวลานังเก้าอี้ปกติได้ นั่นยิ่งทําให้กล้ามเนื้อหลังถูกใช้งานมากขึ้น ลองทําตามวิธีแนะนําเบื้องต้นเหล่านี้ เพื่อบรรเทาอาการปวดหลังระหว่างขับรถ ให้ระหว่างทางที่จะไปถึงที่หมายไม่น่าหงุดหงิดใจมากนักค่ะ

วิธีแก้อาการปวดหลัง ปวดไหล่
– นั่งให้พอดีกับตัวคนขับในช่วงขา ทั้งระยะใกล้ไกลจากพวงมาลัยให้พอดีกับช่วงแขน ความสูงต่ำของเบาะ ความเอียงของเบาะพิงหลัง กระจกส่องข้างและกระจกมองหลัง เพื่อให้อยู่ในระยะที่สายตามองเห็นได้โดยไม่ต้องขยับศีระษะหรือโยกตัว
– หลังการขับอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 2 ชั่วโมง ควรพักสายตา เดินลงไปยืดเส้นสาย เดินไปมา หรือหากไม่สามารถทำได้ ก็ควรยืดตัว เอนหลังบ่อยๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อได้เคลื่อนไหวบ้าง

2 เคล็ดลับเหล่านี้อาจช่วยคุณได้ในเบื้องต้น แต่การป้องกันที่ดี คือการออกกําลังกายที่สม่ำเสมอ จะช่วยให้กล้ามเนื้อหลังได้ยืดหยุ่น ผ่อนคลาย เคลื่อนไหวได้อย่างไม่เครียดเกร็ง





ที่มา...https://www.health-th.com/%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87/





ออฟไลน์ Trisanato

  • medtech ปี 1
  • *
  • กระทู้: 2
Re: วิธีแก้อาการขับรถแล้วปวดหลัง ปวดไหล่
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2018, 11:20:41 am »
เป็นวิธีที่ดีที่น่าเอาไปใช้มากๆ ผมเป็นอีกคนนึงที่ประสบอาการแบบนี้