ผอ.รพ.การุญเวช เผย สอบพยาบาลทิ้งกกน. “น้องหญิง” แล้ว แจงเป็นเสื้อผ้าติดเชื้อ

[webmaster]

อาหญิงเผยครอบครัวสงสัยทำไมพยาบาลแยกถุงเสื้อผ้าน้องหญิง ด้าน รพ.การุณเวชเผยได้ตรวจสอบแล้ว แยกถุงกางเกงในเพราะกลัวเป็นเสื้อผ้าติดเชื้อ ผอ.รพ.การุณเวช สอบพยาบาลทิ้ง กกน.น้องหญิง เพราะเป็นเสื้อผ้าติดเชื้อ

วันนี้ (6 ส.ค.) ทีมข่าวได้โทรศัพท์สอบถามนางสาวภาณิศา อาของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุพยาบาลถอดกางเกงขาสั้นของน้องหญิงแล้วใส่ไว้ในถุงหนึ่งก่อน ต่อมาจึงถอดกางเกงในก็เลยต้องใส่แยกถุง จากนั้นก็วางไว้ข้างเตียง ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าวางไว้ทั้ง 2 ถุงหรือไม่ แต่คาดว่าน่าจะวางไว้ทั้ง 2 ถุง

เมื่อทีมข่าวถามว่าทำไมแม่บ้านจึงเอาไปทิ้งถุงเดียว น.ส.ภาณิศา ตอบว่า ตนก็สงสัยอยู่เหมือนกัน เมื่อถามว่าปกติพยาบาลแยกถุงเสื้อผ้าผู้ป่วยทุกคนหรือไม่ น.ส.ภาณิศา ตอบว่า ปกติจะต้องใส่รวมกัน แต่พยาบาลอ้างว่าถอดคนละเวลาจึงแยกถุง และไม่ทราบว่าแม่บ้านนำไปทิ้ง เพิ่งมาทราบในภายหลัง

จากนั้น ทีมข่าวได้โทรศัพท์สอบถาม นายแพทย์ ธนะวัตร วัฒนวงษ์ภิญโญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลการุญเวช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยืนยันว่าได้มีการตรวจสอบในกรณีดังกล่าวแล้ว

โดยเปิดเผยเบื้องต้นกับผู้สื่อข่าวว่า ปกติโรงพยาบาลจะมีการแยกเสื้อผ้าผู้ป่วยว่าติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อ โดยจะใส่เสื้อผ้าปกติไว้ในถุงสีขาว และใส่เสื้อผ้าติดเชื้อในถุงสีแดง ซึ่งเหตุผลที่แยกกางเกงในของน้องหญิงออกมาอีกถุงหนึ่งนั้น เนื่องจากกลัวว่าจะติดเชื้อ

นายแพทย์ ธนะวัตร กล่าวต่อว่า ขณะที่ทำการรักษาพยาบาลน้องหญิงมีพยาบาลอยู่ 6 คนช่วยกันรักษา และทุกคนก็เร่งรีบเนื่องจากต้องส่งต่อน้องหญิงไปที่ รพ.ปทุมธานี จึงยื่นถุงสีขาวคืนให้เพียงถุงเดียว โดยต่อมาแม่บ้านเห็นถุงสีแดงก็คิดว่าเป็นถุงติดเชื้อ จึงนำลงไปทิ้งลงถังแยกประเภทไว้ตามหน้าที่

ทั้งนี้ นายแพทย์ธนะวัตร ยืนยันว่า การที่พยาบาลแยกถุงเสื้อผ้าน้องหญิงนั้นเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่ได้มีนอกมีในแต่อย่างใด โดยพยาบาลที่บอกทางญาติไปว่าคืนเสื้อผ้าหมดแล้ว ไม่ใช่คนที่ยื่นให้ แต่เป็นคนที่เห็นพยาบาลอีกคนยื่นจึงคิดว่าคืนไปหมดแล้ว ต่อมาภายหลังญาติมาถามกับคนที่เป็นคนยื่น จึงได้รับคำตอบว่ายื่นไปเพียงถุงเดียว

นอกจากนี้ นายแพทย์ธนะวัตร กล่าวว่า ตนชื่นชมนายอัจฉริยะที่เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวน้องหญิง ถ้ามีโอกาสก็อยากจะพูดคุยกัน อยากขอบคุณที่เข้ามาช่วยดูแลคดีนี้ แต่ทางโรงพยาบาลก็พยายามทำตามมาตรฐานของผู้ป่วยที่มารับบริการ




ที่มา...https://www.sanook.com/news/7460062/