ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดนาทีฆาตกรยิงเทศกิจดับ แม่ลากคอลูกเมาแอ๋ส่งโรงพัก ลั่นผิดต้องติดคุก  (อ่าน 221 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์




จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หนองแขม รับแจ้งเหตุพบคนถูกยิงเสียชีวิตในพงหญ้า บริเวณกลางซอยสวัสดิการ 2 แยก 14 ถนนเพชรเกษม ซอย 77 แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพฯ เบื้องต้นพบ นายประภา หรือ แป๊ะ อายุ 40 ปี เสียชีวิตอยู่ โดยเหตุเกิดวันที่ 19 กันยายน เวลาประมาณ 02.30 น.

นายพีระพล อายุ 25 ปี น้องชายผู้เสียชีวิต ที่อยู่ในคืนเกิดเหตุ เล่าว่า คืนก่อนวันเกิดเหตุ (17 ก.ย.) ตนได้ไปนั่งดื่มกับเพื่อนที่ร้านสนุกเกอร์ ในร้านมียุงเยอะ ทำให้รุ่นน้องอีกคนมาตบยุงที่หัวของรุ่นพี่ โดยตนเห็นว่ารุ่นน้องไม่ควรตบหัวรุ่นพี่ จากนั้นจึงมีปากเสียงกันเกิดขึ้น

วันต่อมาในคืนเกิดเหตุ (18 ก.ย.) เวลา 23.30 น. กลุ่มเพื่อนรวมตัวกันที่ร้านสนุกเกอร์อีกครั้ง โดย นายแป๊ะ พี่ชายของตน ได้เดินทางมาที่ร้านด้วย จนกระทั่งเกิดเหตุทะเลาะกันขึ้น โดยตนและเพื่อนที่ทะเลาะกันจากคืนก่อนหน้านี้ ได้ออกไปเคลียร์และมีเรื่องชกต่อยกันบริเวณหน้าร้าน จนกระทั่งพี่ชายเป็นคนมาห้าม

จากนั้นได้มี นายโย ผู้ก่อเหตุ เป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ เข้ามาร่วมวงเสมือนต้องการเข้ามาห้าม เหมือนไม่ให้ตนกับเพื่อนอีกคนมีเรื่องกัน แต่ก็มีลักษณะเหมือนจะเข้ามาชกต่อยตน ทำให้ตนจึงต้องป้องกันตัวเอง ด้วยการชกไปหนึ่งครั้ง และมีเรื่องกันจนกระทั่งใช้ไม้สนุกเกอร์ ฟาดไปที่แขนของนายโย ทำให้นายโยไม่พอใจ ควักมีดออกมาจากกระเป๋า หวังจะทำร้ายร่างกาย แต่ก็มีเพื่อนและรุ่นพี่ของตนมาห้าม เรื่องจึงยุติลง

หลังจากนั้นทุกคนก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในเวลาก่อนเที่ยงคืน ขณะนั้น พี่ชายตนจึงอาสาเป็นคนเคลียร์กับฝ่ายตรงข้าม จากนั้นพี่ชายจึงไล่ตนกลับไปที่ห้อง เพราะเกรงว่าจะเคลียร์ไม่จบ ตนยอมรับว่าเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งพี่ชายต้องเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนตัวก็ยอมรับว่าแม้ในใจจะโกรธแค้น แต่ก็ต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย และจะต้องนำตัวของผู้ต้องหามากราบขอขมาศพพี่ชาย







ทีมข่าวย้อนรอยจุดเกิดเหตุร้านสนุกเกอร์ โดยกล้องวงจรปิด ที่บันทึกเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ โดยกล้องวงจรปิดหน้าร้านสนุกเกอร์ เวลา 23.45 น. มีกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะกัน และมีปากเสียงอยู่หน้าร้าน คาดว่ากลุ่มวัยรุ่นกลัวร้านสนุกเกอร์จะได้รับความเสียหายจึงออกมาหน้าร้าน กระทั่งมีเรื่องชกต่อย และต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป

เวลา 00.20 น. กลุ่มคู่อรินัดรวมตัวกันหน้าร้านสนุกเกอร์อีกครั้ง เพื่อกลับมาเคลียร์กัน โดยเป็นการพูดคุยตกลง จับมือ กอดคอ และเคลียร์ให้จบปัญหา โดยใช้เวลาประมาณเกือบ 45 นาที ก่อนจะแยกย้ายกันไป

เวลา 01.00 น. นายแป๊ะ ผู้ตาย เดินไปส่งนายโย มือยิง ขึ้นรถวีออส จากนั้นนายแป๊ะและเพื่อนนั่งคุยกันต่อ จนกระทั่งถึงเวลา 01.30 น. นายแป๊ะ และเพื่อนก็แยกย้ายกันกลับ จากนั้น 5 นาทีต่อมา นายแป๊ะขับรถไปถึงซอยสวัสดิการ 16 มีรถของนายโย ขับเข้ามาประกบด้านข้าง นายแป๊ะลงจากรถ ลักษณะกำลังจะพูดคุย แต่นายโย ลดกระจกรถลงมา แล้วยิง 1 นัด นายแป๊ะจึงรีบวิ่งเข้าไปในซอย เข้าไปทางบ้านญาติกลางซอย แต่คาดว่าไปไม่ถึง ถูกนายโยยิงเสียชีวิตที่พงหญ้า ด้วยกระสุนปืน .38

กระทั่ง เมื่อเวลา 19.00 น. วานนี้ (19 ก.ย.) เจ้าหน้าที่นำตัว นายทนงศักดิ์ หรือ โย อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาหมายจับ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนเข้าไปหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร และยิงปืนในหมู่บ้านโดยไม่ใช่เหตุอันควร มาที่ สน.หนองแขม โดยผู้ต้องหาอยู่ในอาการมึนเมา เจ้าหน้าที่สอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติม ก่อนนำตัวคุมขังต่อไป

นายทนงศักดิ์ เปิดเผยว่า ตนเคยไปที่โต๊ะสนุกเกอร์ 2 ครั้ง ขณะเกิดเหตุ ตนกำลังแทงสนุกเกอร์อยู่ เกิดเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างตนและกลุ่มคู่กรณี ซึ่งฝั่งของตนมาเพียง 2 คน และคู่กรณีมีเกือบ 30 คน ในจังหวะเดียวกัน ผู้ตายและน้องชายเข้าไปมีเรื่องชกต่อยกับคนภายในโต๊ะสนุก ตนจึงตัดสินใจเข้าไปไกล่เกลี่ย พร้อมบอกกับผู้ตายและน้องชายว่า “อย่ารุมทำร้ายคนอื่น” ก่อนจะถูกน้องของผู้ตาย ใช้ไม้สนุกฟาดแขน

ระหว่างการคุมตัวผู้ต้องหาเข้าไปยังห้องสืบสวนนั้น นางกัลยา แม่ผู้ต้องหา เปิดเผยว่า วันนี้ตนเดินทางมาจาก จ.สุพรรณบุรี ภายหลังจากทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่จะมีการคุมตัวลูกชาย ซึ่งก่อนหน้าที่ตนได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากลูกชายว่าก่อเหตุฆ่าคนตาย และกำลังหลบหนีไปบ้านญาติที่ จ.เพชรบุรี ตนจึงบอกลูกชายว่า “ให้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และห้ามหลบหนี ทำผิดก็ต้องรับผิด”

นางกัลยา กล่าวต่อว่า ลูกชายบอกกับตนว่าโดนรุมทำร้ายจากกลุ่มคู่กรณี จึงตัดสินใจก่อเหตุ นอกจากนี้ก่อนเดินทางมาที่ สน.หนองแขม ตนได้เข้าไปพบกับครอบครัวของผู้ตายที่วัด เพื่อมอบเงินจำนวน 20,000 บาท ให้กับครอบครัวของผู้ตาย เป็นการช่วยงานสวดอภิธรรมศพ และตั้งใจว่าหลังจากนี้ทุกวัน ตนจะเดินทางไปร่วมงานศพ จนถึงวันฌาปนกิจศพ อีกทั้งวันนี้เดินทางมาพร้อมกับภรรยา และลูกของผู้ต้องหาด้วย

เบื้องต้น ไม่ได้มีการเตรียมทนาย หรือวางหลักทรัพย์ประกันตัว เพราะไม่มีเงินเพียงพอ พร้อมกับยืนยันว่าจะไม่มีการต่อสู้คดี นางกัลยากล่าวทิ้งทายว่า “ทำผิดทำไมต้องต่อสู้คดี ต้องรับผิด และปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย”




ที่มา...https://www.sanook.com/news/7512606/