ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำแร่ธรรมชาติ VS น้ำแร่อุตสาหกรรม  (อ่าน 1056 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์
น้ำแร่ธรรมชาติ VS น้ำแร่อุตสาหกรรม
« เมื่อ: กันยายน 27, 2018, 11:14:09 am »




หมอเป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสได้เคยแวะเวียนไปยังแหล่งน้ำแร่ชื่อดังหลายๆ แหล่งของโลก และสำหรับในบ้านเราเรื่องน้ำแร่ ก็ไม่เคยตกจากกระแส คนที่สนใจดื่มน้ำแร่ แช่น้ำแร่ก็มีอยู่มาก และเชื่อว่าคุณผู้อ่านต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน จริงไหมคะ



วันนี้เราเลยจะมาคุยเจาะลึกเรื่องน้ำแร่กันค่ะ

ถ้าถามว่าทำไมเราถึงเชื่อเรื่องพลังในการบำบัดรักษาของน้ำแร่ ก็ต้องบอกว่า คงเป็นเพราะน้ำแร่จากแต่ละแหล่งดังของโลก ล้วนมีสตอรี่บอกเล่าสืบต่อกันมาเป็นตำนาน ทั้งน้ำแร่สำหรับดื่มและน้ำแร่สำหรับแช่ตัว

 

 

อย่างในบ้านเราก็ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับน้ำแร่บำบัดโรคกันมายาวนาน ทั้งเรื่องราวของบ่อน้ำแร่ในท้องถิ่นที่บอกต่อสรรพคุณกันมาแบบปากต่อปาก หรือจากเรื่องราวการเสด็จประพาสยุโรปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ที่ได้ไปประทับรักษาพระวรกาย ณ เมืองบาดฮอมบูร์ก เป็นเวลากว่า 1 เดือน ซึ่งชาวเมืองบาดฮอมบูร์กได้ถวายบ่อน้ำแร่ ชื่อว่า โกนิคจุฬาลงกรณ์ (Konig ภาษาเยอรมัน หมายถึง King) เป็นที่ระลึก

 

 

น้ำแร่ธรรมชาติ VS น้ำแร่อุตสาหกรรม

น้ำแร่ธรรมชาติ น้ำแร่ที่ได้มาจากการเจาะชั้นหินเอง มีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยจะมีข้อความระบุไว้ว่า น้ำแร่ธรรมชาติ

 

น้ำแร่อุตสาหกรรม เป็นน้ำแร่ที่ได้มาจากการเจาะน้ำบาดาล ที่ถูกกรองในชั้นหิน ซึ่งมีค่าเป็นด่าง นำมาผ่านกระบวนการ ทำให้มีค่าพีเอชบาลานซ์ เสร็จแล้วนำมาผ่านหัวแร่ ที่ผ่านการรับรอง ISO โดย FDA ว่าปลอดภัย ไม่มีโลหะหนักปนเปื้อน

 

 

สรรพคุณที่แท้ทรูของน้ำแร่

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ร่างกายเราประกอบด้วยแร่ธาตุ องค์ประกอบหลักของร่างกายที่เป็นแร่ธาตุคือ กระดูก ร่างกายจึงมีระบบจัดการและปรับสมดุลแร่ธาตุในร่างกายได้ดี ไม่ค่อยมีปัญหา คือ ร่างกายมีระบบบัฟเฟอร์เพื่อสร้างความสมดุลอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้สูญเสียแร่ธาตุอะไรไป การดื่มเพียงน้ำเปล่าก็ดีต่อสุขภาพแล้ว

 

 

แต่เมื่อไหร่ที่ร่างกายขาดแร่ธาตุหรือมีภาวะผิดปกติ การดื่มน้ำเปล่าเข้าไปมากๆ แร่ธาตุก็จะยิ่งน้อย แต่ถ้าเราดื่มน้ำที่มีแร่ธาตุคล้ายๆ กับที่มีในร่างกายเรา ก็เท่ากับเป็นการคงสภาพ ความสมดุลของแร่ธาตุในร่างกายเอาไว้ ดังนั้น จึงเป็นที่มาว่า ทำไมการดื่มน้ำแร่จึงดี

 

 

เพราะการดื่มน้ำแร่เหมือนเป็นการเติมสิ่งที่เหมือนกันเข้าไป แต่ถ้าเราดื่มน้ำที่ไม่เหมือนกับแร่ธาตุที่ร่างกายมี ก็ทำให้แร่ธาตุในร่างกายเจือจาง แต่ภาวะเช่นนี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก เพราะร่างกายสามารถปรับตัวได้ ร่งากยจึงไม่ค่อยขาดแร่ธาตุรุนแรง

 

 

หากมองในมุนการเสริมแร่ธาตุให้ร่างกาย อาจต้องมองย้อนไปถึงคนรุ่นก่อน ที่มักจะบกพร่องเรื่องการกินอาหาร ทำให้ร่างกายได้สารอาหารไม่ครบ การดื่มน้ำแร่จึงเป็นการเสริมแร่ธาตุไปหล่อเลี้ยงร่างกายให้เกิดความสมดุล แต่ถ้ากินอาหารอย่างถูกต้องเพียงพอ ก็ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำแร่

 

 

ในด้านการบำบัดรักษา การรักษาด้วยการแช่น้ำแร่ในฝรั่งเศสสมัยก่อน จะสั่งโดยหมอ หมอจะดูเลยว่าแหล่งนี้ บ่อนี้ เหมาะกับการรักษาโรคอะไร บางแห่งก็ใช้น้ำแร่เป็นส่วนผสมในยาเพื่อฆ่าเชื้อโรค เพราะซัลเฟอร์ในน้ำแร่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคได้ ในสมัยนั้นยังไม่มียาแอนติไบโอติก หมอจึงผสมน้ำแร่กับยาฆ่าเชื้อที่ใช้ทั้งภายนอกและภายใน น้ำแร่บางบ่อที่มีทั้งซัลเฟอร์ ซิลิคอน ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม แคลเซียม ยังส่งผลดีต่อภูมิคุ้มกัน เป็นโคแฟ็คเตอร์ที่มีส่วนช่วยให้เซลล์ที่ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคตามธรรมชาติ (Natural Killer Cell) ทำหน้าที่ในการสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น

 

 

การดื่มน้ำแร่ที่มีแร่ธาตุบางอย่าง ก็มีส่วนช่วยเรื่องความงามได้ เช่น มีซิลิกา ซิงค์ แมกนีเซียม ก็ช่วยให้ผิวพรรณสวยงาม ผมและเล็บแข็งแรง ทำให้อิเล็กทรอไลต์ในร่างกายสมดุล

 

 

อย่างไรก็ตาม เราสามารถได้รับแร่ธาตุเหล่านี้จากอาหารปกติได้ เช่น น้ำแร่ ที่โปรโมตเรื่องการมีแร่ธาตุซิลิกาว่า ดื่มแล้วช่วยบำรุงผิวพรรณให้สวยงาม จริงๆ แล้ว หากเรานำหอยหรืออาหารทะเลมาปรุงอาหารประเภทต้มหรือต้มยำ โดยปรุงทั้งเปลือก เราก็จะได้รับซิลิกาเหมือนกัน แถมได้สารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย

 

 

ใช้น้ำแร่อย่างไรให้ได้ประโยชน์

เราต้องปรับแนวคิดและทำความเข้าใจเรื่องน้ำแร่กันก่อน หมอไม่อยากให้ทุกคนหวังผลตามคำเคลมของน้ำแร่จากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำแร่สำหรับดื่ม หรือแหล่งน้ำแร่สำหรับแช่ตัว เพราะการที่จะบรรลุผลเรื่องสุขภาพตามคำเคลมนั้น ไม่ได้มาจากการดื่มน้ำแร่เพียงอย่างเดียว

 

 

เพราะเรายังต้องดูแลสุขภาพอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย การพักผ่อนนอนหลับ การจัดการกับความเครียด ตลอดจนเรื่องสุขอนามัย

 

 

อย่างไรก็ตาม การดื่มหรือการอาบน้ำแร่ ก็เป็นความจรรโลงใจ ดังนั้น ใครมีงบประมาณ ก็สามารถเลือกได้ตามชอบ ตามรสนิยม และต้องมีความรู้เพื่อการเลือกอย่างถูกต้องด้วย เช่น การจะจ่ายเงินแพงๆ เพื่อแช่น้ำแร่บำบัดอาการ มีข้อสังเกตว่า ควรเป็นบ่อที่แช่ไม่เกิน 30 นาที แล้วต้องพัก

 

 

หากบ่อไหนให้แช่ได้ทั้งวัน แสดงว่ามีแร่ธาตุเจือจางมาก แต่หากไม่ได้มุ่งหมายเรื่องการบำบัดอาการ เพียงแค่อยากผ่อนคลายสบายใจ ก็เลือกบ่อที่มีการจัดทัศนียภาพสวยงามได้ตามใจชอบ




ที่มา...https://www.haijai.com/4557/