อุทาหรณ์! สาวใหญ่ชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้ กลับมาไฟไหม้บ้านวอดทั้งหลัง

[webmaster]

14 ต.ค. 61 เวลา 11.00 น. หน่วยกู้ภัยสว่างเมตตาธรรมสถาน นครราชสีมา ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ห้องแถวชั้นเดียว บริเวณซอยกิ่งสวายเรียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย
จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของหน่วยงานเทศบาลนครนครราชสีมา เข้ามาช่วยยังจุดเกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวปูนชั้นเดียว ซอยกิ่งสวายเรียง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ซึ่งเป็นบ้านของนางรุ่งราณี อายุ 64 ปี พบนายพงษ์ตรี อายุ 39 ปี ได้รับบาดเจ็บที่แขนเป็นแผลไฟลวกทั้ง 2 ข้างอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างเมตตาฯ จึงรีบนำตัวส่งไปยังโรงพยาบาลค่ายสุรนารี นครราชสีมา

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ดับเพลิง กล่าวว่า เหตุเพลิงไหม้เริ่มมาจากห้องนอนของเจ้าของบ้าน คาดการณ์เบื้องต้นน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่เจ้าของบ้านได้บอกว่า ตนเองชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้บนที่นอนก่อนที่จะออกไปทำธุระนอกบ้าน

ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่เพลิงไหม้อาจมาจากการชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้นานจนเกิดความร้อน ทำให้กลายเป็นต้นเหตุ จึงต้องตรวจสอบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้อีกครั้งหนึ่ง

นางรุ่งราณี อายุ 64 ปี เจ้าของบ้านกล่าวว่า ตนเองได้ลุกขึ้นมาทำกับข้าวเจเพื่อนำออกไปแจกจ่ายแก่คนรู้จักรับประทาน เมื่อทำเสร็จแล้วจึงปิดบ้าน ปิดไฟ เตาแก๊สต่างๆ ให้เรียบร้อย แต่ชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้ในห้องนอน บนเตียงนอนของตน

หลังจากออกจากบ้านมาได้ชั่วโมงกว่าลูกชายจึงโทรศัพท์มาบอกว่าที่บ้านตนเองถูกไฟไหม้ เมื่อรีบกลับมาพบว่าไฟไหม้ได้ลุกลามไปทั่วทั้งบ้านดีที่ไม่ลามไปไหม้บ้านที่ติดกัน ส่วนลูกชายก็ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลไฟลวกที่แขนทั้ง 2 ข้าง

ตอนที่กลับมาถึงบ้านตนเองไม่สามารถนำสิ่งของอะไรออกมาจากบ้านได้ทัน ทุกอย่างถูกไหม้จนหมด เสื้อผ้าของหลานชายที่กำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาล 2 (สมอราย) ก็ได้ถูกไหม้จนหมดเช่นกัน ไม่มีเสื้อผ้ารองเท้าใส่ไปโรงเรียน

ดีที่ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมแต่เมื่อถึงช่วงเปิดเทอมตนก็ยังไม่แน่ใจ ว่าจะมีกำลังซื้อเสื้อผ้าให้หลานไปโรงเรียนไหม เนื่องจากตนเองไม่ได้ทำชีพอะไร และลูกชายที่เป็นเสาหลักของบ้านก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

นอกจากนี้ตนอยากฝากเตือนคนอื่นๆ ว่าอย่าชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้แบบตน เพราะอาจเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้ ขนาดตนเองที่ก่อนออกจากบ้านพยายามดูความเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว ถอดปลั๊กไฟ พัดลมจนหมด แต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นได้ นางรุ่งราณีฯ กล่าว



ที่มา....https://www.sanook.com/news/7542006/