ผู้เขียน หัวข้อ: หนุ่มจามเป็นเลือดรู้สึกข้องใจ เพราะฝุ่นละอองทำป่วย ปัดเกาะกระแส PM 2.5  (อ่าน 258 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์




เจ้าของโพสต์ "จามเป็นเลือด" กลายเป็นประเด็นร้อนในโซเชียลมีเดีย รู้สึกข้องใจว่าจะเกี่ยวกับปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 เมืองกรุง ยืนยันไม่ได้เกาะกระแสใดๆ

จากกรณีผู้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวการเตือนภัยสุขภาพจากปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยน้อยกว่า 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่เริ่มส่งผลกระทบสุขภาพของประชาชน โดยผู้โพสต์บอกว่า เกิดอาการแสบคอ และแสบจมูกทุกครั้งที่หายใจ และกลืนน้ำลาย จนในที่สุดจามออกมาเป็นเลือด แต่ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่อยากออกมาเตือนประชาชนว่าต้องดูแลตัวเองให้มาก

นายบอส (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ผู้โพสต์ดังกล่าว สวมใส่หน้ากากอนามัยกันฝุ่นละออง R95 พร้อมเล่าว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา ตนตื่นมาด้วยอาการคอแห้ง มีเสมหะในลำคอ ตอนแรกคิดว่าเป็นไข้ทั่วไป จึงออกไปข้างนอกบ้านตามปกติ แต่เมื่อตกเย็น ปรากฎว่าไข้ขึ้น คอเริ่มแห้ง จึงได้ทานยาแก้ไข้และยานอนหลับ เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อตื่นขึ้นมา ก็ยังมีอาการแสบคอและแสบจมูกทุกครั้งที่หายใจและกลืนน้ำลาย ประกอบกับไข้ก็ยังคงขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง

หลังจากนั้น ตนจึงไปหาซื้อหน้ากากอนามัยมาใส่ พบว่าเมื่อใส่หน้ากาก อาการแสบจมูกก็หาย แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาก็เริ่มคัดจมูก กระทั่งเมื่อตื่นมาในวันเช้าวันนี้ ขณะกำลังจะออกไปทำงาน ขณะที่ตนจามแล้วคล้ายจะมีน้ำมูกออกมา ซึ่งเมื่อเข้าห้องน้ำจึงพบว่ามีเลือดปนออกมาจำนวนมาก ตนจึงถ่ายรูปและลงเฟซบุ๊ก เพื่อจะบอกเล่าเรื่องราวที่เจอให้กับเพื่อนๆ เพื่อให้ระวังตัว ก่อนจะไปพบแพทย์

โดยแพทย์ชี้แจงว่า อาการที่เกิดขึ้นนั้น ยังสรุปแน่ชัดไม่ได้ว่าเกิดจากฝุ่นละอองโดยตรงหรือไม่ เพราะฝุ่นละอองดังกล่าว จะส่งผลกระทบกับสุขภาพในระยะยาว แต่อาการของตนออกมาภายในระยะสั้น ประกอบกับหมอที่ตนไปหานั้น เป็นหมออายุรกรรมทั่วไป ไม่ใช่หมอหูคอจมูกโดยตรง

ทั้งนี้ นายบอส กล่าวว่า เรื่องราวที่ตนพบเจอนั้น ถึงแม้ว่ายังไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่าเกิดจากฝุ่นละอองหรือไม่ แต่ก็อยากเตือนให้เพื่อน ๆ หรือคนที่ได้รับชมเรื่องราว ใช้หน้ากากอนามัยในช่วงนี้ เพราะเมื่อตนใส่หน้ากากอนามัยแล้วรู้สึกดีขึ้นมาก อาการแสบจมูกก็ลดลง และยืนยันว่าตนไม่ได้หวังเกาะกระแสแต่อย่างใด



ที่มา....https://www.sanook.com/news/7645490/