ผู้เขียน หัวข้อ: ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อป่วยเป็นโรคกระดูกพรุน  (อ่าน 1841 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์




อ. นพ.กุลพัชร จุลสำลี

ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์

อันตรายของโรคกระดูกพรุน

โรคกระดูกพรุน หมายถึง โรคที่ความแข็งแรงของกระดูกลดลง จนทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก โดยเหตุที่อุบัติเหตุเล็กน้อยก็อาจจะทำให้กระดูกหักได้ ความสำคัญกับอันตรายของโรคนี้ ถ้าเป็นปกติโดยทั่วไปเดินหกล้มบนพื้นราบธรรมดา เราไม่เป็นอะไร อย่างมากเราอาจจะข้อเท้าพลิก เจ็บมือนิดหน่อย เอามือยันพื้นได้  แต่กลุ่มคนที่เป็นโรคกระดูกพรุน เราลื่นล้มบนพื้นราบ ก็อาจจะทำให้เกิดกระดูกหักได้ มือยันพื้น ข้อมือหัก สะโพกกระแทกพื้น สะโพกหัก นี่คือความอันตรายของโรคกระดูกพรุน

สาเหตุ

ปกติกระดูกของเราจะมีการสร้างและการทำลายกระดูกอย่างสม่ำเสมอ ในช่วงอายุก่อน 30-35 ปี เราจะมีการสร้างและการทำลายกระดูก ที่มีการสร้างมากกว่าการทำลาย เพราะฉะนั้นกระดูกจะค่อย ๆ แข็งขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากอายุ 30-35 ปี ช่วงประมาณ 5-10 ปี มวลกระดูกจะคงที่ คือมีการสร้างและการทำลายที่สมดุลกัน หลังจากผ่านระยะนั้นไปคือประมาณอายุ 40 ปีเป็นต้นไป การทำลายกระดูกจะเริ่มมากกว่าการสร้าง เพราะฉะนั้น โดยธรรมชาติของเรา กระดูกจะค่อย ๆ บางลงเรื่อย ๆ จากการทำลายกระดูกที่เยอะกว่าการสร้างกระดูก เพราะฉะนั้น ยิ่งเราแก่ตัวไป กระดูกเราจะค่อย ๆ บางไปตามธรรมชาติ

ระดับของกระดูกพรุนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าเราสะสมมวลกระดูกตั้งแต่ช่วงอายุแรกเกิดจนถึง 30 ปีไว้มากน้อยแค่ไหน

อีกประเด็นหนึ่งเรื่องปัจจัยที่ทำให้เราเป็นกระดูกพรุนก่อนวัยอันควร คือ โรคประจำตัวต่าง ๆ และลักษณะการใช้ชีวิตประจำวัน โรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นกระดูกพรุน ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคที่เกี่ยวกับโรคข้อ โรครูมาตอยด์ต่าง ๆ คนที่เป็นโรคไทรอยด์ โรคเกี่ยวกับต่อมพาราไทรอยด์ หรือต่อมหมวกไตมีปัญหา หรือกลุ่มที่ใช้ยาสเตียรอยด์เป็นประจำ ก็จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนก่อนวัยอันควร

ส่วนลักษณะการใช้ชีวิตประจำวันที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นกระดูกพรุน ได้แก่ กลุ่มคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเท่าไร การใช้ชีวิตนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ก็จะทำให้มีความเสี่ยงเป็นกระดูกพรุนมากกว่าคนทั่วไป

อาการ

โรคนี้จะไม่มีอาการอะไรให้เราเห็นเลย เขาจะแสดงอาการก็ต่อเมื่อกระดูกเราหักไปแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว การตระหนักถึงโรคนี้ การรู้ถึงความเสี่ยง การย้อนกลับไปมองตัวเองว่าเรามีความเสี่ยงหรือเปล่า จากนั้นเราถึงจะไปพิจารณาพบแพทย์ เพื่อที่จะตรวจมวลกระดูก หรือคำนวณความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหัก

การวินิจฉัยโรคกระดูกพรุน

ปัจจุบันการวินิจฉัยโรคกระดูกพรุนมี 2 แบบหลัก ๆ

การตรวจมวลกระดูก เราไปพบแพทย์ แพทย์จะส่งให้เราไปเข้าเครื่องตรวจมวลกระดูก เราจะได้รับรังสีเพียงเล็กน้อย จากนั้นจะตรวจมวลกระดูกออกมา แล้วคำนวณตามค่าเฉลี่ยของประชากร ถ้ามวลกระดูกของเราอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ค่าเฉลี่ยของประชากรถึงระดับหนึ่ง เราก็จะสามารถวินิจฉัยเป็นโรคกระดูกพรุนได้
วิธีการคำนวณความเสี่ยงในการที่จะเกิดกระดูกหัก แพทย์จะถามประวัติคร่าว ๆ แล้วจะคำนวณออกมา ความเสี่ยงนี้ชื่อว่า การคำนวณ frax score จะดูจากเพศ อายุ ดัชนีมวลกาย พฤติกรรมการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โรคประจำตัว การกินยาสเตียรอยด์ รวมถึงประวัติครอบครัวที่มีประวัติเป็นกระดูกพรุน        ความเสี่ยง frax score จะคำนวณออกมาได้ 2 แบบ คือ คำนวณเรื่องความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหัก โดยทั่วไปในระยะ 10 ปี กับกระดูกหักบริเวณสะโพกในระยะ 10 ปี ถ้าค่าความเสี่ยง frax score ของกระดูกหักทั่วไปมากกว่า 20% ในระยะ 10 ปี หรือค่าความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกสะโพกหักมากกว่า 3% ในระยะ 10 ปี ก็จะต้องได้รับการวินิจฉัยเป็นกระดูกพรุน และต้องได้รับการรักษา
การรักษา และการดูแลตัวเอง

โรคกระดูกพรุนเป็นโรค เราต้องรักษา การรักษาก็จะเป็นการรักษาด้วยยา เพราะฉะนั้น การกินยา หรือบางท่านจะเลือกใช้วิธีฉีดยารักษาโรคกระดูกพรุน เราก็ควรจะไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอและกินยาอย่างสม่ำเสมอ

ส่วนเรื่องการดูแลตัวเอง ข้อที่ 1 คือ ระวังเรื่องพลัดตกหกล้ม เนื่องจากเราเป็นโรคกระดูกพรุน เราล้มนิดเดียวเราอาจจะกระดูกหักได้ กระดูกหักแล้วชีวิตเปลี่ยนเลย เพราะฉะนั้นเรื่องการระวังพลัดตกหกล้มนี่สำคัญ  การจัดของที่บ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เรื่องของขั้นบันไดต่าง ๆ เราอาจจะต้องไปจัดระเบียบบ้าน

ข้อที่ 2 คือ เราอาจจะต้องหมั่นไปเจอแสงแดด  เนื่องจากแสงแดดจะช่วยให้ร่างกายเราสังเคราะห์วิตามินD ได้จากธรรมชาติ วิตามิน D จะช่วยให้แคลเซียมจากอาหารที่เรากินเข้าไปหรือจากอาหารเสริมที่เรากินเข้าไปดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ดีขึ้น ข้อแนะนำคือ เราอาจจะต้องไปเจอแสงแดดวันหนึ่งประมาณสัก 15 นาที เป็นแดดอ่อน ๆ อาจจะเลือกเป็นตอนเช้าหรือตอนเย็นก็ได้ อย่างน้อยวันละ 15 นาทีก็เพียงพอ

ข้อที่ 3 คือ การออกกำลังกาย การออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย การออกกำลังกายที่จะช่วยเพิ่มมวลกระดูกได้ ก็ต้องเป็นการออกกำลังกายที่มีน้ำหนักลงบริเวณข้อต่อต่าง ๆ เช่น การเดินเร็ว ๆ การวิ่งเหยาะ ๆ หรือการเต้นแอโรบิกสำหรับผู้สูงอายุจะช่วยเพิ่มมวลกระดูกได้ ทำให้มวลกระดูกแข็งแรงขึ้น                                              นอกจากการออกกำลังกายจะช่วยเรื่องของมวลกระดูกแล้ว ยังจะช่วยให้กำลังกล้ามเนื้อมีสมรรถภาพที่ดี สมรรถภาพของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อต่าง ๆ จะดี และช่วยป้องกันการพลัดตกหกล้มได้อีกทางหนึ่ง                กลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุนจะมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น อายุเยอะ บางคนมีปัญหาเรื่องข้อ ข้อเข่าเสื่อมบ้าง ข้อสะโพกมีปัญหา หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท บางคนมีเรื่องโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคไตต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นข้อจำกัดในการออกกำลังกายทั้งสิ้น แนะนำว่า อาจจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลในเรื่องของข้อจำกัดในการออกกำลังกายของเราว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่โดยส่วนใหญ่ ผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุน การออกกำลังกายที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มมวลกระดูกได้









ที่มา....https://med.mahidol.ac.th/ramachannel/home/article/%e0%b8%94%e0%b8%b9%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b9%84%e0%b8%a3%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad/



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 19, 2020, 07:58:57 am โดย admin »