ผู้เขียน หัวข้อ: วอนช่วยเหลือ เด็กหญิงวัย 12 ปี ป่วยโรคทำร้ายตัวเองจนแผลเต็มตัว  (อ่าน 162 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์




ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือคนใจบุญในการช่วยเหลือเด็กวัย 12 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคทำร้ายตัวเอง จนมีบาดแผลเต็มตัว ต้องมีพ่อ แม่ ผลัดกันคอยดูแลตลอดเวลา ซึ่งอยากให้หน่วยงานหรือผู้ใจบุญเข้าช่วยเหลือ

ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ภายใน หนองเกตุใหญ่ ซอย 4 ม.1 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยมี นายสุธน ด้วงมหาสอน อาสาพัฒนาชุมชน ต.หนองปลาไหล ได้พาไปบ้านดังกล่าว พบด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 12 ขวบเป็นบุตรของ นางวนิดา มะลิ อายุ 40 ปี ถูกมัดมือนอนอยู่บนเตียง มีอาการโวยวายตลอดเวลา ทราบว่ามีอาการป่วยทำร้ายตัวเองจนได้รับบาดเจ็บอีกทั้งครอบครัวก็ยากจนยังไม่ได้รับการรักษา ผู้เป็นแม่ต้องคอยนั่งประคองและดูอาการอยู่ข้างๆไม่ห่าง

นางวนิดา ผู้เป็นแม่เล่าให้ฟังด้วยความอัดอั้นใจว่า ด.ญ.เอ มีชีวิตที่น่าสงสารตั้งแต่เกิดเนื่องจากช่วงที่แม่คลอดมีการรกพันที่คอน้องแต่ก็ยังไม่มีอากาศผิดปกติแต่อย่างใด จนกระทั่งด.ญ.เออายุได้เกือบ 1 ปีพบว่ามีอากาศผิดปกติคือน้องมีพัฒนาการช้ากว่าเด็กคนอื่นๆ ซึ่งตอนนั้นได้พาด.ญ.เอเข้ารับการตรวจที่ รพ.ที่ระยอง แพทย์ระบุว่า น้องมีอาการผิดปกติทางสมองและมีพัฒนาการช้า ตนและสามีก็ไม่ได้คิดอะไรเพียงแต่ให้การเลี้ยงดูแลเหมือนเด็กปกติ จนย้ายครอบครัวมาทำงานที่เมืองพัทยาเมื่อ 7 ปีก่อน ขณะที่ด.ญ.เอเริ่มมีพฤติกรรมทำร้ายตัวเองเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และทำร้ายตัวเองรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตนและสามี ต้องคอยผลัดกันดูแลอย่างใกล้ชิด

ที่ผ่านมา นางวนิดา มีอาชีพขับรถพ่วงข้างขายก๋วยเตี๋ยวได้รายได้วันนึง 400-500 บาท ในขณะที่ผู้เป็นสามีทำงานเป็น รปภ.รายได้ต่อเดือนไม่กี่พันบาท ทั้งสองต้องผลัดกันทำงานเป็นกะเพื่อดูแลลูกสาวและหารายได้มาใช้จ่ายในครอบครัวประทังชีวิตสามคนพ่อแม่ลูกไป ภายหลังช่วงโควิดระบาดก็ไม่ได้ขายก๋วยเตี๋ยวทำให้ขาดรายได้ ส่วน ด.ญ.เอ เริ่มมีอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ลูกสาวที่มีอาการป่วยอยู่ก็ไม่ได้รับการรักษาเนื่องจากไม่มีทะเบียนบ้านทำให้ไม่ได้รับสิทธิ์การรักษา

ล่าสุดทางเจ้าของบ้านเช่าได้ให้ย้ายเข้าทะเบียนบ้านแล้วในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่ก็มาติดช่วงโรคโควิดระบาดอีก สามีทำงานคนเดียวรายได้ก็ไม่พอใช้จ่ายจะออกไปรับของบริจาคที่หน่วยงานต่างๆนำมาช่วยเหลือก็ไปไม่ได้ เพราะทิ้งลูกไปไม่ได้ต้องอยู่กับลูกตลอดเวลา ตอนนี้สิ่งที่ตนอยากได้รับการช่วยเหลือที่สุดคืออยากให้ลูกได้รับการรักษาและได้รับคำแนะนำในการดูแลน้องเพราะทุกวันนี้แม่ก็ดูแลได้เพียงแค่คอยดูไม่ให้น้องทำร้ายเท่านั้น


ที่มา...https://www.sanook.com/news/8165562/