ผู้เขียน หัวข้อ: ผัวหึงโหดใช้ด้ามปืนฟาดศีรษะเมีย สุดท้ายตายสลดถูกปืนลั่นใส่ตัวเองเสียชีวิต  (อ่าน 134 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์




ผัวหวั่นเมียปั่นใจให้กับคนใหม่ ทะเลาะกันแล้วใช้ด้ามอาวุธปืนฟาดหัวเมียจนศีรษะแตก แต่เคราะห์ร้ายปืนลั่นใส่ตัวเองเสียชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (7 ส.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งว่ามีเหตุถูกอาวุธปืนเสียชีวิต ที่บริเวณบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 15 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ที่เกิดเหตุพบศพ นายบุญเปล่ง อายุ 43 ปี สภาพศพถูกอาวุธปืนเข้าที่บริเวณหน้าอกซ้าย ทะลุด้านหลัง นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตทับอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ อยู่บริเวณหน้าบ้านหลังคาดังกล่าว

ขณะที่ นางกานดา อายุ 33 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต อยู่ภายในบ้าน สภาพที่ศีรษะถูกของแข็งฟาดจนได้รับบาดเจ็บ มีเลือดออก ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ปฐมพยาบาลทันที ก่อนนำตัวมาทำการสอบสวน

จากการสอบสวน นางกานดา ภรรยาผู้เสียชีวิต ทราบว่า ตนกับสามีมักมีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยครั้ง เนื่องจากสามีหึงหวงคิดว่าตนเองนั้นจะมีคนใหม่ มาหลายครั้งแล้ว ก่อนเกิดเหตุตนนั้นได้ไปส่งลูกไปโรงเรียน ส่วนนายบุญเปล่ง มีอาชีพรับจ้าง วันนี้ไม่ได้ออกไปทำงาน ซึ่งหลังจากตนกลับเข้าบ้าน ก็ถูกสามีชวนทะเลาะและนำอาวุธปืนมาข่มขู่ และใช้ด้ามปืนฟาดที่ศีรษะตนเอง 1 ครั้ง จนได้รับบาดเจ็บ

และขณะที่ฟาดนั้นตนเอง ก็พยาบาลผลักตัวนายบุญเปล่งออก และวินาทีนั้นปืนของสามีก็เกิดลั่นใส่สามี เนื่องจากหันกระบอกปืนมาที่ลำตัว ตนเองพยายามวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด เมื่อได้ยินอาวุธปืนขึ้น 1 นัด จึงก็ไม่ได้หันไปดูสามี จนกระทั่งนายบุญเปล่งได้พยายามจับอาวุธปืนออกมาจากตัวบ้าน แต่ก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวนอนเสียชีวิตอยู่หน้าบ้าน หลังจากนั้นตนจึงได้รีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทันที

ด้าน นางนิตยา อายุ 40 ปี พี่สาวของนางกานดา ให้การว่า นายบุญเปล่ง ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นน้องเขยนั้นชอบหึงหวงน้องสาวของตนเองเป็นประจำ โดยน้องสาวไปคุยกับผู้อื่นไม่ได้เลย กลับบ้านมาต้องทะเลาะกัน จนในวันนี้น้องสาวของตนเอง กลับจากไปส่งลูกที่โรงเรียน และกลับเข้าบ้านก็มีปัญหากันอย่างรุนแรง สุดท้ายก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน

เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบรอยเขม่าดินปืนที่ศพผู้เสียชีวิต ตลอดจนที่บริเวณศีรษะและที่นิ้วมือของนางกานดาอีกครั้ง เพื่อหาร่องรอยของการเกิดเหตุการณ์ และสรุปสำนวนคดีนี้อีกครั้ง



ที่มา...https://www.sanook.com/news/8225590/