ผู้เขียน หัวข้อ: ว่าด้วยเรื่อง โยโย่ เอฟเฟค YOYO Effect  (อ่าน 797 ครั้ง)

ออฟไลน์ pigky

  • medtech ปี เอก
  • ******
  • กระทู้: 1170
ว่าด้วยเรื่อง โยโย่ เอฟเฟค YOYO Effect
« เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2012, 10:28:18 am »
ว่าด้วยเรื่อง โยโย่ เอฟเฟค YOYO Effect
   คนดู 2,116 ครั้ง 

ว่าด้วยเรื่อง โยโย่ เอฟเฟค YOYO Effect



     อะไรคือ*โยโย่ เอฟเฟค* เพราะหลายครั้งที่เจอกับคำถามที่ใคร ๆ ก็ชอบคิดว่า ไอ้การที่จะเกิดโยโย่เนี่ย ต้องเกิดจากการที่เราทานยาลดความอ้วนเท่านั้น

      การเกิด *โยโย่เอฟเฟค* นั้นสามารถเกิดจากการที่เราพยายามควบคุมอาหาร เปลี่ยนชนิดอาหารได้ด้วย นะคะ ไม่ได้เกิดจากการทานยาลดความอ้วนได้เพียงอย่างเดียว

      อันที่จริงแล้วมันคือภาวะการขาดความสมดุลของร่างกายนั่นเอง ร่างกายของคนเรามีความสลับ ซับซ้อนมากกว่า คอมพิวเตอร์เครื่องนึงซะอีก ระบบการทำงานสามารถสั่งได้ ด้วยกิจวัตรประจำวัน สมดุลเคมี ฮอร์โมนจาก ต่อมไร้ท่อ ระบบประสาทส่วนกลาง และอื่นๆอีกมากมาย ^_^ ร่างกายคนเราอาศัยความเคย ชินกับปริมาณอาหารและปริมาณแคลลอรี่ ที่ได้รับในแต่ละวัน รวมทั้งกิจกรรมที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองในแต่ละวัน กำหนดขนาดการเมตาบอลิ ซึ่ม (การเผาผลาญพลังงานนั่นเอง)

      ซึ่งจะต้องทำงานควบคุมกับการผลิต ฮอร์โมนบางตัวจากต่อมไร้ท่ออย่าง ไทรอยด์ฮอร์โมน เพื่อควบคุมการเผาผลาญพลังงาน ความสมดุลของการกิน การใช้พลังงานและ ระดับไทรอยด์ฮอร์โมนในคนปกติจะแตกต่างจากผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษ (มี 2 แบบนะคะ คือทำงานมากไปกับน้อยไป ถ้ามากไปจะกระตุ้นให้เมตาบอลิซึ่มมากเกินไป จะผอม ใจสั่น เหนื่อยง่าย ถ้าน้อยไปจะอ้วนง่าย เฉื่อยชา หนาวง่าย เพราะเมตาบอลิซึ่มน้อยเกินไป)

      การลดน้ำหนักโดยการลดปริมาณอาหารที่ ทาน หรือเปลี่ยนชนิดอาหาร เพื่อควบคุมแคลลอรี่ที่ได้รับให้แต่ละวัน เป็นวิธีที่นิยมและน่าจะไม่เป็นอันตราย อย่างสูตร สามวันเจ็ดวันที่เห็นๆกันอยู่

      มันก็เป็นวิธีที่ดีและถูกต้อง เช่น ปกติเราใช้พลังงานวันละ 800-1200 kcal ถ้าเราทานอาหารวันละ 400 kcal เราก็จะสามารถดึงเราของเก่าที่สะสมใน ร่างกายเราออกมาใช้ได้วันละ 400-600 kcal

       แต่.. เมื่อเราลดปริมาณอาหารลงอย่างรวดเร็วอย่างนี้ติดต่อกันสัก 3 วัน ร่างกาย จะรับรู้ไปว่า ชั้น...กำลังจะอดตาย ช่วยด้วย.... จะลดการเผาผลาญ พลังงานลง จากวันละ 800-1200 kcal เป็น 400-600 kcalเพื่อกักเก็บไอ้ ที่เราสะสมไว้ให้มากที่สุด แหม...ก็กำลังจะอดตายนี่นา

       แล้วน้ำหนักก็จะลดลงในระยะแรกเร็วมาก แต่พอซักระยะ มันก็ไม่ลงซักขีด ก็จะท้อพอดีกว่า กลับมากินอย่างเดิม อาหารแบบเดิม ยัดเข้าไปวันละ 1200 kcal

      แต่... ร่างกายที่กำลังจะอดตายของเรากลับยังเผาผลาญวันละ 400 kcal เท่านั้นเอง หมายความว่าเราเหลือวันละ 800 kcal ที่เปลี่ยนเป็นไขมันไปกักเก็บตามส่วนต่างๆ เหมือนเดิม

     จากที่ลดไป 9 กิโล ก็สามารถกลับมาเพิ่มอีก 15 กิโลได้อย่างง่ายดาย

       ดังนั้น วิธีการลดน้ำหนักที่ได้ผลในระยะยาวคือการควบคุมอาหารอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับออกกำลังกายค่ะ เพื่อคงระดับการเมตาบอลิซึ่มให้พอดี กับอาหารที่ทาน และกิจกรรมที่ทำ

     อย่าง สูตรต่าง ๆ 3 วันบ้าง 7 วันบ้าง 15 วันบ้าง เนี่ย.... ไม่ใช่ไม่ดีนะ คะ ทำได้ค่ะ แถมลดเร็วด้วยเป็นกำลังใจให้คนลดความอ้วน อย่างมากเลยค่ะ แต่หลังจากสูตรนั้นแล้วก็ขอให้ยังคงควบคุมปริมาณ อาหารอย่างต่อเนื่องค่ะ เพื่อให้ร่างกายชินกับปริมาณอาหารที่ได้รับ จนไม่เกิดอาการคิดว่าจะอด ตายแล้ว จึงค่อย ๆ ปรับมากินเท่าคนปกติค่ะ

      แต่จะให้ดีนี่ต้องเปลี่ยน อุปนิสัยในการกินเลยค่ะ เพราะถ้าลดได้ 10 กิโล แต่ยังกลับมาทานขาหมู พิซซ่าขอบชีส จังก์ฟู๊ดต่างๆ มันก็ไม่มีประโยชน์ค่ะ

      อีกอย่างที่ห้าม ลืม...คือ ระดับการเมตาบอลิซึ่มเนี่ย ยิ่งอายุมากก็จะยิ่งน้อยลงนะคะ
      สรุปว่ายิ่งเรามีอายุเพิ่มขึ้น เราก็ยิ่งต้องหาทางเพิ่มกระบวนการนี้เพื่อให้เกิดความสมดุลในร่างกายนะคะ

 
ขอขอบคุณข้อมูลจาก red-kimono วันที่ 29 ต.ค 2555

ออฟไลน์ pluskit022

  • medtech ปี 1
  • *
  • กระทู้: 1
    • อีเมล์
Re: ว่าด้วยเรื่อง โยโย่ เอฟเฟค YOYO Effect
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2012, 10:10:36 am »
เหอะๆ