ผู้เขียน หัวข้อ: “จุรินทร์” ตั้งเป้าให้ผู้ประกันตนใช้บัตรประชาชนรักษา รพ.สธ.  (อ่าน 1640 ครั้ง)

ออฟไลน์ vt

  • medtech ปี เอก
  • ******
  • กระทู้: 530
    • อีเมล์




 “จุรินทร์” ตั้งเป้าให้ผู้ประกันตนสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้ารับบริการในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขได้ทุกแห่ง เผย ผลความคืบหน้าการเจรจากับ สปส.สำเร็จแล้ว 2 เรื่องทั้งการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลผู้ประกันตนและพิจารณาทบทวนค่าใช้จ่ายรายหัวทุกปี
       
       วันนี้ (30 พ.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าของกระทรวงสาธารณสุขได้เจรจากับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน ในการที่จะร่วมกันให้บริการกับผู้ประกันตน โดยเฉพาะในโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 11,000 แห่ง ซึ่งมีเป้าหมายที่จะให้ผู้ประกันตน สามารถสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ใดก็ได้
       
       นายจุรินทร์ กล่าวว่า ความคืบหน้าการเจรจาที่สามารถตกลงได้เสร็จสิ้นแล้ว 2 ประเด็น ประเด็นแรก คือ จะมีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลสาธารณสุขร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับสำนักงานประกันสังคม ซึ่งจะเป็นศูนย์ข้อมูลที่ประกอบด้วยข้อมูลสารสนเทศทั้งหมดที่เกี่ยวกับผู้ประกันตนและอื่นๆ ที่จำเป็น ประเด็นที่ 2.คือ เรื่องค่าใช้จ่ายรายหัว ซึ่งในปัจจุบันจ่ายให้ 1,404 บาทต่อหัวนั้น ตกลงกันว่า จะมีการพิจารณาทบทวนทุกปี แต่จะปรับเป็นเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
       
       นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า เรื่องที่จะต้องเจรจาต่อไป คือ กรณีโรงพยาบาลบางแห่ง ที่เมื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกันตน สามารถเลือกใช้โรงพยาบาลใดก็ได้ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ ความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้น คือผู้ประกันตนไปขอรับบริการที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น จนเป็นภาระในเรื่องค่าใช้จ่ายในการให้บริการของโรงพยาบาลนั้น ได้มอบหมายให้ นายแพทย์ ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้เจรจาให้สำนักงานประกันสังคม ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายดังกล่าว เพื่อไม่ให้โรงพยาบาลประสบปัญหาการขาดทุนโดยไม่จำเป็น
       
       ทั้งนี้ หน่วยงานที่ให้บริการผู้ประกันตนมีหลายสังกัด แต่กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยให้บริการที่ใหญ่ที่สุด มีผู้ประกันตนใช้บริการประมาณร้อยละ 40 คาดว่า ในอนาคตหากสามารถใช้บัตรใบเดียวเลือกใช้บริการได้ คาดว่าจำนวนผู้ประกันตนที่ใช้บริการจะเพิ่มขึ้น