ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.สรุปผลอุบัติเหตุฉลองสงกรานต์ 7 วัน ยังไม่เป็นที่พอใจ  (อ่าน 1785 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์
สธ.สรุปผลอุบัติเหตุฉลองสงกรานต์ 7 วัน ยังไม่เป็นที่พอใจเสนอ ศปถ.ให้เข้มงวดทั้งเรื่อง การบังคับใช้กฎหมายความปลอดภัยการประชาสัมพันธ์ประชาชนให้ใช้สายด่วนกู้ชีพ 1669 และอบรมตำรวจจราจร อพปร.เป็นเครือข่าย



 วันนี้ ( 18 เมษายน 2556 )นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้วรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ผลการดำเนินการควบคุมป้องกันอุบัติเหตุทางการจราจรในช่วง 7วันฉลองเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2556 ว่าสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุคือขับเร็ว  ง่วง  ที่มากอับดับ1ได้แก่เมาแล้วขับ พบได้เกือบร้อยละ40 ของสาเหตุเกิดขึ้นทั้งหมดในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขได้เน้นหนักที่ 2มาตรการ ได้แก่การควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามพระราชบัญญัติเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พ.ศ.2551 เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุและ2.การรักษาพยาบาลช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บ โดยมีสายด่วนแจ้งเหตุทางหมายเลข1669 ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่าผลการตรวจจับผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอด7 วัน  ได้ตรวจทั้งหมด 474 ราย ดำเนินคดีผู้กระทำผิด 218 รายและตักเตือน 256 ราย  ความผิดอันดับ 1 ได้แก่ การโฆษณา  69 รายขายโดยไม่มีใบอนุญาต 27 ราย ลดแลกแจกถม 17 ราย

นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า ผลการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินตลอด 7วัน พบว่าประชาชนยังใช้บริการระบบการแพทย์ฉุกเฉินในสัดส่วนที่น้อยเพียงร้อยละ 10 ของเหตุทั้งหมดเมื่อวิเคราะห์ถึงประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์กู้ชีพทั่วประเทศประมาณ 15,000 ทีม พบว่าบรรลุผลตามเกณฑ์สามารถออกไปถึงที่เกิดเหตุภายใน10นาทีหลังวางสายรับแจ้งได้สูงถึงร้อยละ 82ทำให้ผู้บาดเจ็บได้รับการดูแลรักษาที่ถูกวิธีและทันท่วงทีมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่าร้อยละ90อย่างไรก็ดีเทศกาลสงกรานต์เป็นเพียงช่วงรณรงค์สั้นๆสิ่งที่จะต้องดำเนินการให้บรรลุผลทศวรรษความปลอดภัยทางถนนจะต้องทำตลอดปีทุกมาตรการโดยกระทรวงสาธารณสุข จะเสนอมาตรการควบคุมป้องกันอุบัติเหตุจาจรเข้าที่ประชุมศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน หรือศปถ. เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า 3 ประเด็นดังนี้

1. การบังคับใช้กฎมายอย่างเข้มข้น เพื่อความปลอดภัยในชีวิต 3เรื่องได้แก่การควบคุมความเร็ว เพราะเทศกาลนี้พบว่าความเร็วรถทำให้ดัชนีความรุนแรงของอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นทำให้มีการเสียชีวิตในที่เกิดเหตุมากถึงร้อยละ 67รวมทั้งการคาดเข็มขัดนิรภัย การสวมหมวกกันน็อคและการกำชับผู้ว่าราชการจังหวัดให้เข้มข้นในการบังคับกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พ.ศ.2551 ตลอดปี  2. ขอให้กรมประชาสัมพันธ์และภาคีเครือข่าย เช่นสสส.ประชาสัมพันธ์หมายเลขสายด่วนการแพทย์ฉุกเฉิน  1669 ให้ประชาชนรับทราบและมีติดไว้ทุกบ้านเรือน 3.กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทยควรมีรถกู้ชีพกู้ภัยครบทุก อบต.และทุกเทศบาล(โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งรถกู้ชีพกู้ภัย)และกระทรวงสาธารณสุข จะร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พัฒนาบุคลากรได้แก่ตำรวจจราจรและอาสาป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หรือ อพปร.ให้มีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลและการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานซึ่งจะสามารถให้การดูแลผู้บาดเจ็บได้อย่างทันท่วงทีเนื่องจากบุคลากรที่กล่าวมาเป็นหน่วยปฏิบัติงานที่อยู่ใกล้ชิดและอยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว

ด้านนายแพทย์สมาน ฟูตระกลูผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรคกล่าวว่า ในเรื่องของการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีข้อสังเกตุ 4ประการ ได้แก่ 1.การควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่สามารถดำเนินการให้สำเร็จด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งเพียงวิธีการเดียวได้ต้องใช้หลากหลายมาตรการไปพร้อมๆกันการรณรงค์ให้ความรู้และขอความร่วมมือเพียงวิธีเดียวไม่สามารถควบคุมได้สำเร็จอย่างแน่นอนเนื่องจากเป็นเรื่องที่มีผลประโยชน์และอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมาก 2. ต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีคิดของพนักงานเจ้าหน้าที่และประชาชนจากความคิดว่า"ช่วงสงกรานต์เป็นช่วงเวลาสนุกสนานเป็นช่วงยกเว้นไม่ใช้บังคับกฎหมายเพื่อให้สามารถสนุกสนานกันได้เต็มที่"ซึ่งเป็นวิธีคิดที่อันตรายมาก เป็นความคิดว่า"ช่วงสงกรานต์เป็นช่วงที่มีความเสี่ยงสูงมากต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกวดขันมากกว่าช่วงปกติโดยเฉพาะกฎหมายเกี่ยวกับการลดความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดที่เป็นสาเหตุของความสูญเสียคือการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์"

3. ต้องมีการพัฒนามาตรการทางกฎหมายเพื่อลดช่องว่างทางกฎหมายในการคุ้มครองพี่น้องประชาชนรวมถึงลูกหลานเยาวชนอาทิเช่น การปรับปรุงกฎหมายจากเดิมห้ามดื่มบนถนนที่จะผิดเฉพาะตัวผู้ดื่มอยู่บนรถเท่านั้นแต่หากลงจากรถมาดื่มกลางถนนไม่ผิด มาเป็นห้ามดื่มบนถนนทั้งหมดหรือเพิ่มมาตรการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางสาธารณะรวมถึงห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันที่มีการเสียชีวิตสูงสุด 1 ถึง 2 ลำดับแรก เป็นต้น  และ4.ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพราะเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงสูงสุดโดยคำนึงถึงชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนสูงสุดมากกว่าผลประโยชน์ทางการค้าที่ผิดกฎหมายทำลายสังคมซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการควบคุมทางกฎหมายและลงโทษผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด





.................................................
ที่มา www.moph.go.th