ผู้เขียน หัวข้อ: ‘ไวรัสตับอักเสบ เอ’ กินไม่ดี ติดง่าย!  (อ่าน 439 ครั้ง)

ออฟไลน์ beebee

  • medtech ปี เอก
  • ******
  • กระทู้: 1550
    • อีเมล์
‘ไวรัสตับอักเสบ เอ’ กินไม่ดี ติดง่าย!
 


อากาศร้อนๆ แบบนี้ เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี หน่วยงานด้านการแพทย์จึงมักออกคำเตือนให้ระวังการระบาดของโรคบางชนิดในหน้าร้อน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็จะมีโรค "ไวรัสตับอักเสบเอ" รวมอยู่ด้วย

เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง "นพ.สุขประเสริฐ จุฑากอเกียรติ" อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเวชธานี เผยว่า เมื่อเราพูดถึงโรคไวรัสตับอักเสบ อันที่จริงมีหลายชนิด ส่วนที่พบบ่อยในบ้านเรา คือ ชนิดเอ บี และซี โดยไวรัสตับอักเสบชนิดเอ เราทุกคนมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย ทั้งจากการทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ และการทานอาหารร่วมกับผู้ที่กำลังป่วยโรคนี้อยู่ ในขณะที่ไวรัสตับอักเสบบีและซี การติดต่อเหมือนเอชไอวี คือ ติดทางเลือด และเซ็กซ์

อาหารชนิดใด มักมีการปนเปื้อนไวรัสตับอักเสบเอ? นพ.สุขประเสริฐ เล่าว่า เป็นอาหารสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะหอยดิบ หอยมีกาบ เมื่อเชื้อโรคชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวราว 2-4 สัปดาห์ อาการป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มจากมีไข้ ปวดเมื่อยตัว คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ต่อมาพอไข้ลด จะเริ่มปรากฏอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งมักจะทำให้คนไข้เริ่มกังวลและมาพบแพทย์

ตัวอย่างเช่น เมื่อไม่นานมานี้มีคนไข้รายหนึ่ง มาด้วยอาการไข้ อ่อนเพลีย จุกท้อง ตาเหลือง ปัสสาวะเข้ม ผลตรวจพบ ค่าการทำงานของตับผิดปกติ ส่วนผลเลือดพบ มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอเฉียบพลัน เมื่อสอบถามประวัติ คนไข้เล่าว่า สัปดาห์ก่อนที่จะมีอาการ ได้ไปทานหอยแครงลวกมา

สำหรับการตรวจรักษา แพทย์จะตรวจเลือดเพื่อดูค่าการทำงานของตับ ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ ค่าการทำงานหรือค่าเอ็นไซม์ตับจะพุ่งสูงเป็นพันๆ ทั้งที่ค่าตามปกติจะอยู่ระหว่าง 20-30 เท่านั้น นอกจากนี้จะต้องตรวจแอนติบอดี้หรือภูมิคุ้มกันชนิดเฉียบพลันในเลือดต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ เพื่อยืนยันว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ หากอาการของผู้ป่วยกับผลตรวจเพิ่มเติมสรุปได้ว่า ป่วยเป็นไวรัสตับอักเสบเอ แพทย์จะให้รักษาตามอาการ เนื่องจากโรคนี้ไม่มียารักษาเฉพาะเจาะจง เน้นการพักผ่อนอย่างเพียงพอ แต่ห้ามกินยาสมุนไพรและอาหารเสริม เพราะอาจทำให้ตับอักเสบมากขึ้นได้

เกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบเอที่ควรรู้ นพ.สุขประเสริฐ เล่าว่า ผู้ใหญ่มักจะมีอาการแสดงที่รุนแรงกว่าเด็ก เนื่องจากภูมิคุ้มกันของเด็กยังไม่แข็งแรง ร่างกายจึงมีปฏิกิริยาไม่รุนแรงในการต่อสู้กับเชื้อโรค ต่างจากผู้ใหญ่ที่ภูมิคุ้มกันแข็งแรงกว่า ปฏิกิริยาจึงรุนแรงกว่า

อย่างไรก็ตาม การป่วยด้วยโรคไวรัสตับอักเสบเอ มีโอกาสเสียชีวิตได้น้อยมาก เว้นแต่ผู้ป่วยรายนั้นมีปัญหาโรคตับอยู่เดิมเช่น ตับแข็ง หรือผู้สูงอายุ ส่วนใครที่เคยป่วยแล้ว ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันโรคไว้ จึงไม่ป่วยซ้ำอีก และไม่ทำให้เป็นโรคตับแข็ง หรือตับอักเสบเรื้อรัง กรณีที่ไม่ต้องการข้องแวะกับโรคนี้ สามารถฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันไว้ได้ โดยวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ มีด้วยกัน 2 เข็ม ต้องฉีดห่างกัน 6 เดือน

ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบเอแล้ว หากใครไม่รู้ว่า ร่างกายของตนเองมีภูมิคุ้มกันอยู่แล้วหรือไม่ สามารถไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาภูมิคุ้มกันได้ ถ้าไม่มีภูมิคุ้มกัน การฉีดวัคซีนป้องกัน เป็นการป้องกันการติดเชื้อที่มีประสิทธิภาพดี  คำแนะนำทั่วไปในการลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอคือ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ”.



 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์