อีโบลากับการประเมินสถานการณ์โรคระบาด

การระบาดของอีโบลาที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วใน 3 ประเทศแอฟริกาตะวันตกคือ กินี ไลบีเรีย และ เซียร์ราลีโอน เริ่มเบาบางลงในที่สุด ในช่วง 3 สัปดาห์หลังมี ผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 120 คน ต่ำสุดนับแต่เดือนกรกฎาคม 2014 เป็นต้นมารวมแล้วมีผู้ที่ เชื่อว่าได้รับเชื้อราว 22,000 คน เสียชีวิตไป 9,000 ราย ทว่าการประเมินเมื่อปีที่แล้วสูงกว่านี้มาก โดยสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค ของสหรัฐอเมริกาทำนายว่าจะมีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 1.4 ล้านราย ก่อนหน้าวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ทั้งที่รู้และที่ไม่ได้รับรายงาน การคาดการณ์นี้ผิดพลาดไปมากทีเดียวการประเมินสถานการณ์โรค ระบาดมาจากแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่จัดกลุ่มเสี่ยงของโรคไว้เป็นหมวดหมู่ และอธิบายว่ามีการเคลื่อนย้ายระหว่างหมวดหมู่เหล่านี้อย่างไรในกรณีอีโบลา มีช่วงเวลาระหว่างการได้รับเชื้อกับการแสดงอาการที่ยังไม่เป็นช่วงแพร่เชื้อ นานมาก และผู้ที่หายป่วยจะมีภูมิคุ้มกัน ดังนั้นแบบจำลองการติดต่อของอีโบลาจะแบ่งกลุ่มเป็น "มีความเสี่ยง" (ยังไม่ได้รับเชื้อ) "ได้รับเชื้อ" (ติดเชื้อแต่ยังไม่แสดงอาการของโรค) "ติดต่อ" (ป่วยและแพร่เชื้อได้) และ "ลบออก" (ไม่มีเชื้อเนื่องจากหายป่วยหรือว่าเสียชีวิต)ประเมิน จำนวนแต่ละกลุ่ม ความเป็นไปได้ที่จะย้ายกลุ่ม จำนวนของผู้ที่ได้รับเชื้อจากผู้ป่วยแต่ละคน ระยะเวลาในการป่วยและโอกาสเสียชีวิต เหล่านี้ถูกนำมาใช้ในการสร้างแบบจำลองคอมพิวเตอร์เพื่อแสดงแนวโน้มในการ ระบาด แบบจำลองอีโบลาของซีดีซียังแบ่งผู้ป่วยเป็น 3 กลุ่มย่อย นั่นคือถูกแยกเดี่ยวในโรงพยาบาล ถูกแยกออกจากชุมชน และไม่ถูกแยกออกมา การคาดการณ์ยังอยู่บนข้อสันนิษฐานว่า ทุกๆ กรณีที่ได้รับรายงานผู้ป่วย 1 คน มี 1.5 คนที่ไม่ได้แจ้ง นอกจากนี้ โรคอย่างอีโบลาต้องถือว่าทั้งใหม่และรุนแรงสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่สถิติ ทางสาธารณสุขแทบไม่เคยมีอยู่เลย ทำให้จำนวนที่คาดไว้ไม่น่าจะเกินเลยจากความจริงนัก ทว่าผลวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ ชี้ว่าผู้ป่วยอีโบลาแพร่เชื้อต่อไปยังคนอื่นน้อยกว่าที่คิด และติดต่อผู้คนทีเดียวเป็นกลุ่ม ทำให้มีการป่วยที่ไม่ได้รับแจ้งน้อยกว่าที่คาดไว้สาเหตุสำคัญ อีกอย่างคือ มนุษย์เปลี่ยนพฤติกรรมไปเมื่อตระหนักว่ามีความเสี่ยงและคำถามสำคัญที่สุดคือ หากการคาดการณ์ที่น่าตกใจทำให้เกิดการตอบสนองที่ส่งผลให้การแพร่ระบาดของโรคติดต่อยากขึ้น บางทีอาจเป็นเรื่องน่าพอใจ หรือถึงขั้นจำเป็นนักวิจัยบางส่วนบอกว่าการประเมินความสูญเสียไว้มากเพื่อให้โลกหันมาให้ความสนใจ แต่เหตุผลเช่นนี้ก็มีอันตรายอยู่ความกลัวครั้งแล้วครั้งเล่าที่ไม่เกิดขึ้นจริงมีแนวโน้มว่าจะได้รับความใส่ใจยากขึ้นในครั้งต่อๆ ไป
***********************************
ที่มาข่าว:นสพ.มติชน
ที่มาภาพ:Internet

การระบาดของอีโบลาที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วใน 3 ประเทศแอฟริกาตะวันตกคือ กินี ไลบีเรีย และ เซียร์ราลีโอน เริ่มเบาบางลงในที่สุด ในช่วง 3 สัปดาห์หลังมี ผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 120 คน ต่ำสุดนับแต่เดือนกรกฎาคม 2014 เป็นต้นมารวมแล้วมีผู้ที่ เชื่อว่าได้รับเชื้อราว 22,000 คน เสียชีวิตไป 9,000 ราย ทว่าการประเมินเมื่อปีที่แล้วสูงกว่านี้มาก โดยสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค ของสหรัฐอเมริกาทำนายว่าจะมีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 1.4 ล้านราย ก่อนหน้าวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ทั้งที่รู้และที่ไม่ได้รับรายงาน การคาดการณ์นี้ผิดพลาดไปมากทีเดียวการประเมินสถานการณ์โรค ระบาดมาจากแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่จัดกลุ่มเสี่ยงของโรคไว้เป็นหมวดหมู่ และอธิบายว่ามีการเคลื่อนย้ายระหว่างหมวดหมู่เหล่านี้อย่างไรในกรณีอีโบลา มีช่วงเวลาระหว่างการได้รับเชื้อกับการแสดงอาการที่ยังไม่เป็นช่วงแพร่เชื้อ นานมาก และผู้ที่หายป่วยจะมีภูมิคุ้มกัน ดังนั้นแบบจำลองการติดต่อของอีโบลาจะแบ่งกลุ่มเป็น "มีความเสี่ยง" (ยังไม่ได้รับเชื้อ) "ได้รับเชื้อ" (ติดเชื้อแต่ยังไม่แสดงอาการของโรค) "ติดต่อ" (ป่วยและแพร่เชื้อได้) และ "ลบออก" (ไม่มีเชื้อเนื่องจากหายป่วยหรือว่าเสียชีวิต)ประเมิน จำนวนแต่ละกลุ่ม ความเป็นไปได้ที่จะย้ายกลุ่ม จำนวนของผู้ที่ได้รับเชื้อจากผู้ป่วยแต่ละคน ระยะเวลาในการป่วยและโอกาสเสียชีวิต เหล่านี้ถูกนำมาใช้ในการสร้างแบบจำลองคอมพิวเตอร์เพื่อแสดงแนวโน้มในการ ระบาด แบบจำลองอีโบลาของซีดีซียังแบ่งผู้ป่วยเป็น 3 กลุ่มย่อย นั่นคือถูกแยกเดี่ยวในโรงพยาบาล ถูกแยกออกจากชุมชน และไม่ถูกแยกออกมา การคาดการณ์ยังอยู่บนข้อสันนิษฐานว่า ทุกๆ กรณีที่ได้รับรายงานผู้ป่วย 1 คน มี 1.5 คนที่ไม่ได้แจ้ง นอกจากนี้ โรคอย่างอีโบลาต้องถือว่าทั้งใหม่และรุนแรงสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่สถิติ ทางสาธารณสุขแทบไม่เคยมีอยู่เลย ทำให้จำนวนที่คาดไว้ไม่น่าจะเกินเลยจากความจริงนัก ทว่าผลวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ ชี้ว่าผู้ป่วยอีโบลาแพร่เชื้อต่อไปยังคนอื่นน้อยกว่าที่คิด และติดต่อผู้คนทีเดียวเป็นกลุ่ม ทำให้มีการป่วยที่ไม่ได้รับแจ้งน้อยกว่าที่คาดไว้สาเหตุสำคัญ อีกอย่างคือ มนุษย์เปลี่ยนพฤติกรรมไปเมื่อตระหนักว่ามีความเสี่ยงและคำถามสำคัญที่สุดคือ หากการคาดการณ์ที่น่าตกใจทำให้เกิดการตอบสนองที่ส่งผลให้การแพร่ระบาดของโรคติดต่อยากขึ้น บางทีอาจเป็นเรื่องน่าพอใจ หรือถึงขั้นจำเป็นนักวิจัยบางส่วนบอกว่าการประเมินความสูญเสียไว้มากเพื่อให้โลกหันมาให้ความสนใจ แต่เหตุผลเช่นนี้ก็มีอันตรายอยู่ความกลัวครั้งแล้วครั้งเล่าที่ไม่เกิดขึ้นจริงมีแนวโน้มว่าจะได้รับความใส่ใจยากขึ้นในครั้งต่อๆ ไป
***********************************
ที่มาข่าว:นสพ.มติชน
ที่มาภาพ:Internet