ผู้เขียน หัวข้อ: ฝังแท่งฆ่ามะเร็ง งมงายตายอนาถ  (อ่าน 1405 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์
ฝังแท่งฆ่ามะเร็ง งมงายตายอนาถ
« เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2015, 08:59:15 am »


วันนี้สกู๊ปหน้า 1 มีเรื่องจริง อิงเรื่องสั้นอีกเรื่อง น่าสนใจในหัวข้อ “เส้นทาง...มะเร็งร้ายความหวังสุดท้ายของลุงปองเทพ” ฝีมือการเรียบเรียงที่ชวนอ่าน โดย “หมอแมว” เจ้าเก่า เจ้าของเพจเรื่องเล่าสนุกๆ โดยหมอแมว มาเป็นอุทาหรณ์...สังเวยความตาย เพราะความงมงายกันอีกครั้ง

“คนต่อไปเชิญครับ” วศิน แพทย์เวรหนุ่ม ประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่งริมทะเล เชื้อเชิญคนไข้

หญิงสาวอายุประมาณ 25 ปี เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ โดยมีผู้ชายอีกคนเดินตามมาด้วย “สวัสดีครับ เป็นอะไรมาหรือครับ” วศินถาม “จะมาตรวจเรื่องการตั้งครรภ์ค่ะหมอ” เธอตอบ “ประจำเดือนครั้งสุดท้ายมาเมื่อไรครับ” แพทย์หนุ่มถาม เธอนั่งนิ่งอยู่อึดใจ...พลางมองไปที่ชายผู้เป็นสามี ซึ่งยืนอยู่เบื้องหลัง ก่อนจะหันกลับ

“คือก่อนหน้านี้ตั้งครรภ์อยู่ 3 เดือนค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แต่เมื่อสองวันก่อนมีก้อนเลือด กับเลือดออกมาทางช่องคลอด” หมอวศิน พิมพ์อาการของคนไข้ลงไปในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ก่อนจะแจ้งให้ทราบว่า ต้องตรวจ Ultrasound ดูว่า ยังมีการตั้งครรภ์อยู่หรือไม่ หลังจากเขาตรวจคนไข้รายอื่นต่ออีกประมาณ 5-6 ราย พยาบาลก็โทร.มา แจ้งว่า “เตรียมเครื่องอัลตราซาวนด์ไว้พร้อมแล้วค่ะหมอ”

...เมื่อแพทย์หนุ่มวางโพรบลงไปที่หน้าท้องของคนไข้ และลองเลื่อนดูตามแนวของมดลูก เขาพบว่า เยื่อบุมดลูกหนาขึ้นตามลักษณะของคนตั้งครรภ์ แต่กลับไม่พบตัวอ่อนที่ฝังตัว...ทั้งที่การอัลตราซาวนด์คราวก่อนพบ

หมอวศินแจ้งแก่คู่สามีภรรยาว่า การตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์น้อยๆ มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะตรวจไม่พบตัวอ่อน เขาจึงแนะนำว่า ให้มาตรวจซ้ำอีกครั้งในเดือนหน้า...ผู้เรียบเรียงตัดฉากไปที่ตัวละครอีกคน คือ หมอพิชัย

“พี่พิชัยจำคนไข้มะเร็งลำไส้ที่ชื่อคุณปองเทพได้มั้ยครับ” สุรศักดิ์ แพทย์หนุ่มอีกคนเอ่ยขึ้น “จำได้สิ ลุงปองเทพที่เปิดร้านหนังสือ วันนี้แกมาเหรอ” หมอพิชัยทั้งตอบและถาม พลางตักข้าวใส่ปากเคี้ยว

“ให้ผมดูต่อให้มั้ย” หมอพิชัยถามหมอรุ่นน้อง “ตอนนี้ผมส่งเข้านอนในตึกไปแล้วครับ” หมอสุรศักดิ์ตอบ “แต่ลุงแกบอกว่า ไม่ขอตรวจกับพี่พิชัยครับ”

“ยังไงดูแลแกดีๆหน่อยแล้วกัน เรื่องอาหาร อย่าลืมย้ำกับพยาบาลด้วยว่า อย่าใส่กระเทียมลุงปองเทพแกไม่ชอบกลิ่นกระเทียมแต่ไหนแต่ไรแล้ว” หมอพิชัยบอก “ว่าแต่ทำไมเค้าไม่อยากให้พี่พิชัยดูล่ะครับ” หมอโกวิท ที่ร่วมวงอาหารอีกราย ถามขึ้นด้วยความฉงน “สุรศักดิ์อ่านประวัติแล้ว น่าจะเข้าใจใช่มั้ย” หมอพิชัยหันไปมองหน้าหมอสุรศักดิ์เป็นเชิงหารือ

หมอสุรศักดิ์จึงสรุปประวัติของคนไข้รายนี้ ตามที่เขาอ่านจากในเวชระเบียนให้ผู้ร่วมสนทนาทุกคนฟัง เริ่มจากข้อสงสัยว่า ลุงปองเทพมีอาการโลหิตจาง จึงนัดให้มาตรวจ แต่แกไม่มา จนกระทั่งแกถ่ายเป็นเลือด จึงส่งไปส่องกล้องตรวจชิ้นเนื้อ พบจากชิ้นเนื้อที่ตรวจว่าเป็นมะเร็ง แต่ลุงปองเทพ ก็ไม่ยอมผ่าตัด แถมแกยังหายไปอีก 3 ปี ก่อนจะย้อนกลับมารักษาที่โรงพยาบาลนี้อีกครั้ง ในระยะที่โรคมะเร็งลุกลามไปถึงขั้นอุดตันลำไส้แล้ว

หมอสุรศักดิ์บอกว่า กระทั่งเมื่อ 6 เดือนก่อน ช่วงที่ก้อนมะเร็งยุบตัว ลุงปองเทพมาขอประวัติการรักษาทั้งหมดของตัวเอง เพื่อเดินทางไปรักษาต่อที่ต่างประเทศ “ลุงแกจะปากร้ายนิดนึงนะน้องสุรศักดิ์ แต่ผมรู้จักกับแก ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ปีแรก แกปากร้ายก็จริง แต่ก็ไม่ค่อยมีอะไร ว่าแต่ลูกๆของลุงมาด้วยหรือเปล่า” หมอพิชัยถาม

“มาครับ ผมคุยกับลูกชายลุงไปเมื่อกี้” สุรศักดิ์แจ้ง “อ้าว แล้วลูกสาวกับลูกเขยแกไม่ได้มาด้วยหรือ” หมอพิชัยซักต่อ

“มาครับพี่ ลูกสาวลุงเค้าไปตรวจกับผมอีกห้องนึง” คราวนี้หมอวศิน ซึ่งนั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นบ้าง “มาตรวจเรื่องสงสัยว่าจะแท้ง กังวลว่าเป็นเพราะเฝ้าไข้พ่อมากเกินไปหรือเปล่า” หมอพิชัยเริ่มชักสีหน้าทันทีที่หมอวศินพูดจบ เขาเดินไปที่มุมห้อง ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายถึงพยาบาล

“นี่ผมพิชัยเองนะ...คุณปองเทพแอดมิทเข้าห้องไปหรือยัง...ยังใช่ไหม...งั้นเดี๋ยวให้เปลี่ยนไปอยู่ห้องพิเศษตรงหัวมุมตึกนะ” หมอพิชัยบอก “ใช่ๆ ห้องหวัดนกนั่นแหละ ย้ายไปตรงนั้น แล้วยังไม่ต้องให้ใครไปซักประวัติ เดี๋ยวผมขอไปคุยกับแกก่อน” หมอพิชัยวางหูแล้วหันกลับมา “สุรศักดิ์ กินข้าวเสร็จแล้วไปกับผมหน่อยนะ”

แพทย์ทั้งสองเดินไปยืนอยู่ที่หน้าห้องพิเศษหวัดนก ซึ่งแยกจากห้องอื่นๆ พยาบาลที่สวมหน้ากากกันการติดเชื้อ ยื่นหน้ากากให้กับพวกเขา “ไม่ต้องใช้ครับ” หมอพิชัยยกมือห้าม “อ้าว เห็นหมอให้มาอยู่ห้องหวัดนก” พยาบาลว่า “คือตอนนี้ให้แยกโรคบางโรคก่อน เดี๋ยวผมขอเช็กให้เรียบร้อย แล้วบอกอีกที” หมอพิชัยพูดกับพยาบาลก่อนเดินไปที่ประตูห้อง

“สวัสดีครับคุณปองเทพ” หมอพิชัยเดินเข้าไปทักพลางยกมือไหว้ผู้ป่วยบนเตียง

“สวัสดีหมอ สบายดีนะ” คนไข้ที่นอนบนเตียงตอบอย่างเนือยๆ...“เดี๋ยวผมขอคุยประวัติกับคุณปองเทพสักนิดนึง ยังไงเชิญญาติออกไปรอข้างนอกห้องสักครู่นะครับ” หมอพิชัยบอก...ญาติคนไข้ทุกคนจึงเดินออกไปหมอพิชัยลากเก้าอี้มานั่ง โดยมีหมอสุรศักดิ์นั่งอยู่ข้างหลังเขา

“หมอมาได้จังหวะพอดี ผมกำลังทะเลาะกับไอ้พวกลูกทรพี” ลุงปองเทพถือโอกาสฟ้อง “ทำไมล่ะครับ” หมอพิชัยถาม พลางเดินเข้าไปหาพร้อมกับเครื่องวัดออกซิเจนในเลือด “พวกมันไม่อยากให้ผมรักษาน่ะสิ มันอยากให้ผมตาย จะได้มรดกเยอะๆ” ลุงปองเทพแค่นเสียง

หมอพิชัยถามเขาว่า “ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ลุงไปรักษาที่ไหนมาครับ” “ที่โรงพยาบาลคูก้า (ชื่อสมมติ)” คนไข้ตอบสั้นๆ หมอสุรศักดิ์ เริ่มคลับคล้ายคลับคลาว่าเขาเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

“เมื่อหลายปีก่อน ผมมาตรวจกับหมอ มารักษา 2 ครั้ง แต่มะเร็งก็ยังไม่หาย” คนไข้ตัดพ้อ “พอดีว่าเพื่อนผมส่งต่อข้อความมาบอกว่าที่โรงพยาบาลคูก้า สามารถรักษามะเร็งระยะสุดท้ายได้ ปีก่อนผมเลยรวบรวมเงิน แล้วเดินทางไปผ่าตัด รับยา แล้วก็กลับมาพักฟื้น”

หมอสุรศักดิ์เริ่มนึกออกแล้ว โรงพยาบาลคูก้า...ตั้งอยู่ในประเทศยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของทวีปเอเชีย โรงพยาบาลนี้เริ่มเป็นที่รู้จัก จากการส่งต่อข้อความทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ เรื่องการรักษามะเร็งระยะสุดท้าย โหมโฆษณาว่า ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ที่แพทย์แผนปัจจุบันแนะนำว่า ให้ดูแลแบบช่วงท้ายของชีวิต (หมดหวังแล้ว รอความตาย) หลายคนที่หลงเชื่อ...ต่างดิ้นรนหอบเงินก้อนใหญ่หาทางไปรักษากันที่นั่น

“พอผมกลับมาได้ 3 เดือน เหมือนอาการจะดีขึ้น แต่จู่ๆก็ทรุดลงไปอีก” ลุงปองเทพบอก “ตอนนี้ผมปวดท้อง มีไข้ สงสัยว่าอาการกำเริบอีกแน่ๆ ก็เลยว่าอยากจะไปอีก แต่พวกลูกๆผมมันไม่ให้ไป”

“ผมขอตรวจร่างกายคุณลุงหน่อยนะครับ” หมอพิชัยพูดพลางใช้มือ และอุปกรณ์ตรวจดูบริเวณหน้าท้องของคนไข้ ซึ่งมีรอยผ่าตัด “ช่วงนี้มีอะไรผิดปกติเวลาถ่ายอุจจาระบ้างมั้ยครับ” เขาถามลุงปองเทพ

คนไข้ล้วงไปหยิบบางสิ่งจากในกระเป๋า...ยื่นให้หมอพิชัย “สองสามวันนี้เวลาผมถ่ายหนัก ได้ยินเสียงแก๊งๆในกระโถน เลยลองหยิบขึ้นมาดู” ของในซองพลาสติกนั้น คือ แท่งโลหะทรงกระบอก ขนาดเท่าไส้ปากกา 5 อัน

“นี่คือ แท่งแร่รังสี” หมอพิชัยบอกกับลุงปองเทพ ซึ่งนั่งฟังด้วยสายตาเบิกโพลง จากนั้นทั้งมือและตัวของลุงปองเทพเริ่มสั่นเทิ้ม เขากล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ และน้ำตาไหลริน

“ลูกผม...ลูกผมกำลังท้องอยู่ ลูกผมอยู่เฝ้าไข้ผมมาตลอด ผมไม่รู้...” พูดยังไม่ทันจบ คนไข้ปล่อยโฮ

ผลการตรวจจากฟิล์มเอกซเรย์ พบว่า ลุงปองเทพถูกฝังแท่งแร่รังสี เข้าไปหลายร้อยแท่ง ในเนื้อร้ายที่ลุกลามในช่องท้องของแก เมื่อรังสีเริ่มทำลายเซลล์รอบๆ ทำให้ลำไส้ทะลุ เกิดการติดเชื้ออย่างแรง จนผู้ป่วยมีไข้ และปวดท้อง จนต้องมาโรงพยาบาล หลังจากนั้นอีก 3 วัน ลุงปองเทพก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ จากการติดเชื้อในกระแสเลือด

...หมอพิชัย ในคราบของ “หมอแมว” ผู้เรียบเรียงเรื่องจริงที่เกิดขึ้นนี้ ให้บทสรุปถึงเคสนี้ไว้ว่า

“เรื่องรูปแบบการรักษา ถ้าคนไข้ยินยอม เราไม่อาจไปแย้งอะไรได้ แต่การที่ไปให้ความหวังผิดๆกับคนไข้ว่า หายขาด แล้วใส่แท่งแร่รังสีเข้าไปในตัวคนไข้ โดยไม่เตือนถึงอันตราย และผลเสียข้างเคียงที่อาจเกิดกับคนรอบข้างนี่สิ ถือว่าผิดจริยธรรมอย่างไม่น่าให้อภัย”.





ที่มา http://www.thairath.co.th/