สธ.ขยายคลินิกชะลอไตเสื่อมครอบคลุมทุก รพ. พร้อมดูแลด้วยทีมสหวิชาชีพ
กระทรวงสาธารณสุข ขยายคลินิกชะลอไตเสื่อมในสถานบริการใกล้บ้าน เพื่อคัดกรองผู้ป่วยโรคไตและชะลอความเสื่อมไต ลดผู้ป่วยที่จะเข้าสู่โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย รู้เร็ว รักษาเร็ว ด้วยทีมสหวิชาชีพ ดูแลแบบองค์รวม ขอเชิญชวนใช้วันไตโลก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคไต และชะลอการเสื่อมของไต

เมื่อวันที่ 11มีนาคม 2559 ที่ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายศักดิ์ สมบุญโต ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร เปิดการรณรงค์วันไตโลกของเขตสุขภาพที่ 5 มอบโล่ให้คลินิกโรคไตเรื้อรัง
นพ.ปิยะสกล ให้สัมภาษณ์ว่า คนไทยป่วยด้วยโรคไตเรื้อรังประมาณ 8 ล้านคน และเป็นผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายกว่า 70,000 คน ที่ต้องรับการฟอกเลือดหรือล้างไตทางช่องท้อง และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 15–20 ต่อปี สาเหตุจาก โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือการใช้ยาเกินปริมาณที่กำหนด ยาประเภทยาแก้ปวดข้อ ยาคลายกล้ามเนื้อที่เป็นพิษต่อไต ทำให้รัฐบาลต้องจ่ายค่ารักษาปีละกว่า 10,000 ล้านบาท
กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดยุทธศาสตร์ การคัดกรองโรคไตและชะลอความเสื่อมไต เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยที่จะเข้าสู่โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย รู้เร็ว รักษาเร็ว โดยตั้งคลินิกชะลอไตเสื่อมขึ้นในโรงพยาบาลทั่วประเทศซึ่งปี 2559 นี้จะขยายให้ครอบคลุมในสถานบริการใกล้บ้าน ทั้งโรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่และโรงพยาบาลชุมชนที่มีทีมสหวิชาชีพ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักกายภาพ และนักโภชนากร ดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังแบบองค์รวม พร้อมจัดทำคู่มือทีมรักษ์ไตและคู่มือการดูแลตนเองสำหรับประชาชน เน้น 5 แนวทางชะลอไตเสื่อม คือ 1.ดื่มน้ำมากๆ 2.หลีกเลี่ยงกินยาแก้ปวดเป็นเวลานาน 3.งดเหล้า บุหรี่ 4.หลีกเลี่ยงรสเค็ม และ 5.หลีกเลี่ยงยาและอาหารเสริมที่ไม่มีทะเบียน
ขอเชิญชวนประชาชน ใช้โอกาสในวันไตโลก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคไต และชะลอการเสื่อมของไต ด้วยการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด เช่น อาหารจานด่วน อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง อาหารกึ่งสำเร็จรูป ควบคุมระดับโลหิตและระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ดื่มน้ำสะอาดวันละ 6-8 แก้ว งดบุหรี่และสุรา ออกกำลังกายย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 30 นาที ไม่กลั้นปัสสาวะ ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี จะทำให้ห่างไกลจากโรคไตได้
ด้าน นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เขตสุขภาพที่ 5 ประกอบด้วยจังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ได้พัฒนาระบบบริการและการดำเนินงานคลินิกรักษ์ไตในโรงพยาบาล 66 แห่ง ครอบคลุมทั้งโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล มีทีมผู้จัดการโรคไตเรื้อรัง (CKD Manager) ทำงานเป็นเครือข่ายเชื่อมโยง โดยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ทำหน้าที่คัดกรองและดูแลผู้ที่มีภาวะไตเสื่อมระดับแรก 1-2 และ 3 ที่ควบคุมได้ดี โรงพยาบาลชุมชนดูแลผู้ที่มีภาวะไตเสื่อมระดับ 3 ที่ค่าไตเปลี่ยนแปลงควบคุมไม่ได้
และระยะ 4-5 ที่ไม่ยินยอมล้างไตทางหน้าท้องหรือฟอกเลือด ใช้หลักการดูแลแบบองค์รวม วิเคราะห์ปัญหารายกรณี เยี่ยมบ้านโดยทีมสหวิชาชีพและมีทีมหมอครอบครัว และหากมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง จะมีระบบส่งต่อที่ไร้รอยต่อในเขตสุขภาพ โดยบูรณาการดำเนินงานในหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และหมู่บ้านลดหวาน มัน เค็ม รวมทั้งใช้นโยบายสาธารณะด้านสุขภาพในชุมชน ช่วยให้เกิดการป้องกัน ดูแล รักษาโรคไตอย่างเชื่อมโยงและครบวงจร ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
****************************************
ที่มา : http://www.hfocus.org/headline
กระทรวงสาธารณสุข ขยายคลินิกชะลอไตเสื่อมในสถานบริการใกล้บ้าน เพื่อคัดกรองผู้ป่วยโรคไตและชะลอความเสื่อมไต ลดผู้ป่วยที่จะเข้าสู่โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย รู้เร็ว รักษาเร็ว ด้วยทีมสหวิชาชีพ ดูแลแบบองค์รวม ขอเชิญชวนใช้วันไตโลก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคไต และชะลอการเสื่อมของไต

เมื่อวันที่ 11มีนาคม 2559 ที่ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายศักดิ์ สมบุญโต ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร เปิดการรณรงค์วันไตโลกของเขตสุขภาพที่ 5 มอบโล่ให้คลินิกโรคไตเรื้อรัง
นพ.ปิยะสกล ให้สัมภาษณ์ว่า คนไทยป่วยด้วยโรคไตเรื้อรังประมาณ 8 ล้านคน และเป็นผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายกว่า 70,000 คน ที่ต้องรับการฟอกเลือดหรือล้างไตทางช่องท้อง และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 15–20 ต่อปี สาเหตุจาก โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือการใช้ยาเกินปริมาณที่กำหนด ยาประเภทยาแก้ปวดข้อ ยาคลายกล้ามเนื้อที่เป็นพิษต่อไต ทำให้รัฐบาลต้องจ่ายค่ารักษาปีละกว่า 10,000 ล้านบาท
กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดยุทธศาสตร์ การคัดกรองโรคไตและชะลอความเสื่อมไต เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยที่จะเข้าสู่โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย รู้เร็ว รักษาเร็ว โดยตั้งคลินิกชะลอไตเสื่อมขึ้นในโรงพยาบาลทั่วประเทศซึ่งปี 2559 นี้จะขยายให้ครอบคลุมในสถานบริการใกล้บ้าน ทั้งโรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่และโรงพยาบาลชุมชนที่มีทีมสหวิชาชีพ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักกายภาพ และนักโภชนากร ดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังแบบองค์รวม พร้อมจัดทำคู่มือทีมรักษ์ไตและคู่มือการดูแลตนเองสำหรับประชาชน เน้น 5 แนวทางชะลอไตเสื่อม คือ 1.ดื่มน้ำมากๆ 2.หลีกเลี่ยงกินยาแก้ปวดเป็นเวลานาน 3.งดเหล้า บุหรี่ 4.หลีกเลี่ยงรสเค็ม และ 5.หลีกเลี่ยงยาและอาหารเสริมที่ไม่มีทะเบียน
ขอเชิญชวนประชาชน ใช้โอกาสในวันไตโลก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคไต และชะลอการเสื่อมของไต ด้วยการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด เช่น อาหารจานด่วน อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง อาหารกึ่งสำเร็จรูป ควบคุมระดับโลหิตและระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ดื่มน้ำสะอาดวันละ 6-8 แก้ว งดบุหรี่และสุรา ออกกำลังกายย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 30 นาที ไม่กลั้นปัสสาวะ ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี จะทำให้ห่างไกลจากโรคไตได้
ด้าน นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เขตสุขภาพที่ 5 ประกอบด้วยจังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ได้พัฒนาระบบบริการและการดำเนินงานคลินิกรักษ์ไตในโรงพยาบาล 66 แห่ง ครอบคลุมทั้งโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล มีทีมผู้จัดการโรคไตเรื้อรัง (CKD Manager) ทำงานเป็นเครือข่ายเชื่อมโยง โดยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ทำหน้าที่คัดกรองและดูแลผู้ที่มีภาวะไตเสื่อมระดับแรก 1-2 และ 3 ที่ควบคุมได้ดี โรงพยาบาลชุมชนดูแลผู้ที่มีภาวะไตเสื่อมระดับ 3 ที่ค่าไตเปลี่ยนแปลงควบคุมไม่ได้
และระยะ 4-5 ที่ไม่ยินยอมล้างไตทางหน้าท้องหรือฟอกเลือด ใช้หลักการดูแลแบบองค์รวม วิเคราะห์ปัญหารายกรณี เยี่ยมบ้านโดยทีมสหวิชาชีพและมีทีมหมอครอบครัว และหากมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง จะมีระบบส่งต่อที่ไร้รอยต่อในเขตสุขภาพ โดยบูรณาการดำเนินงานในหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และหมู่บ้านลดหวาน มัน เค็ม รวมทั้งใช้นโยบายสาธารณะด้านสุขภาพในชุมชน ช่วยให้เกิดการป้องกัน ดูแล รักษาโรคไตอย่างเชื่อมโยงและครบวงจร ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
****************************************
ที่มา : http://www.hfocus.org/headline