
ไวรัสหูด หรือ Human papillomavirus (HPV) นอกจากชนิดความเสี่ยงต่ำ (low-risk HPV type) ที่เป็นสาเหตุของหูดชนิดต่างๆ ที่ผิวหนังและหูดหงอนไก่แล้ว ยังมี HPV ชนิดที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกกว่า 10 ชนิด
พญ.สมศรี ประยูรวิวัฒน์ อายุรแพทย์ แปลและเรียบเรียง
เป็นชนิดที่มีความเสี่ยงสูง (high-risk HPV type) หรือชนิดก่อมะเร็งแบบฝังแน่น (persistent oncogenic HPV infection) คือไวรัสชนิดที่มีศักยภาพในการก่อมะเร็งสูง เมื่อติดเชื้อแล้วมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูกเป็นเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดของผู้ป่วยมะเร็งในสตรีไทย และเมื่อตรวจชิ้นเนื้อมะเร็งปากมดลูก พบเชื้อ HPV (high-risk HPV type) ถึงกว่า 90% (99.7%) และชนิดที่พบบ่อยที่สุดคือ HPV16 รองลงมาคือ HPV18
การติดเชื้อ HPV ที่ปากมดลูก เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่มีเชื้อ HPV ซึ่งส่วนใหญ่ของคู่นอนเหล่านี้มีเชื้อ HPV ที่อวัยวะเพศโดยไม่แสดงอาการ มักตรวจพบเชื้อภายใน 1 เดือนหลังมีเพศสัมพันธ์ และประมาณ 75% ไม่แสดงอาการ
ไวรัสหูดกับมะเร็งปากมดลูก
หากมีเชื้อจำนวนน้อยและเชื้ออยู่บริเวณเซลล์ชั้นผิว (superficial cell) ของปากมดลูกซึ่งเป็นเซลล์ที่ไม่มีการแบ่งตัวแล้ว ไวรัสจึงไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ และหลุดออกไปพร้อมเซลล์เหล่านี้เมื่อเซลล์หลุดลอกออกไปหรือตายไปตามธรรมชาติ นอกจากนั้นเชื้อที่มีจำนวนน้อยเหล่านี้ยังถูกเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันกำจัดออกไปได้ด้วย ผู้ที่ติดเชื้อประมาณ 90-95% จะหายได้เองภายใน 1 ปี
หากติดเชื้อชนิดวามเสี่ยงต่ำ (low-risk HPV type) เช่น HPV6 และ HPV11 ก็จะเป็นโรคหูดหงอนไก่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์หรือบริเวณทวารหนัก แต่ถ้ามีการติดเชื้อชนิดความเสี่ยงสูง (high-risk HPV type) ในปริมาณมาก โดยเฉพาะในผู้ที่ระบบภูมิคุ้มกันทำงานบกพร่อง เชื้อก็เจริญเติบโตได้ดี เกิดมะเร็งปากมดลูกได้ง่ายกว่าคนทั่วไป เราจึงพบมะเร็งปากมดลูกบ่อยในผู้ป่วยโรคเอดส์ ซึ่งมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
เชื้อไวรัสทำให้เซลล์ที่มันอาศัยเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นกลายเป็นเซลล์ที่ผิดปกติ สามารถตรวจพบด้วยวิธี Pap test แล้วจึงค่อยๆ เปลี่ยนแปลงจากเซลล์ที่ผิดปกติกลายเป็นมะเร็ง ซึ่งใช้เวลา 2-5 ปี หรืออาจนานถึง 10 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและภูมิคุ้มกันของแต่ละคน
ด้วยความรู้นี้จึงมีการพัฒนาวิธีตรวจเชื้อ HPV ขึ้นเพื่อเสริมการตรวจวินิจฉัยมะเร็งปากมดลูกวิธีดั้งเดิมเพื่อช่วยยืนยันการวินิจฉัย และพัฒนาวัคซีนเพื่อเสริมให้ร่างกายมีภูมิต้านทานไวรัส HPV เป็นการป้องกันมะเร็งปากมดลูกไปในตัว
มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูกคือเนื้องอกชนิดร้ายแรงที่บริเวณปากมดลูก แต่เดิมเราไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เชื่อว่าอาจเกิดจากสิ่งแวดล้อม สารเคมีบางชนิด หรือการขาดสารอาหารบางอย่าง ปัจจุบันพบว่าสาเหตุส่วนใหญ่ (กว่า 90 %) เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV โดยที่ 70% ของมะเร็งปากมดลูกทั่วโลกเกิดจาก HPV16 และ HPV18 เป็นต้นเหตุ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 5 ปีหลังติดเชื้อจึงเกิดมะเร็งระยะก่อนลุกลาม และใช้เวลาอีกประมาณ 5-10 ปีจึงเกิดมะเร็ง
ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
สตรีที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย (น้อยกว่า 18 ปี)
สตรีที่มีคู่นอนหลายคน (สำส่อนทางเพศ)
สตรีที่สามีมีคู่นอนหลายคน
สตรีที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (กามโรค) บ่อยครั้ง เช่น หูดหงอนไก่ เริมบริเวณอวัยวะเพศ
สตรีที่มีโรคเรื้อรัง ภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น โรคเอดส์
สตรีที่สูบบุหรี่ หรือมีสามีสูบบุหรี่
สตรีที่มีลูกหลายคน
รับประทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน
อาการ ขึ้นอยู่กับระยะของโรค
ระยะก่อนลุกลามไม่แสดงอาการ แต่ตรวจพบความผิดปกติจากการตรวจภายในเพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap test) ตอนตรวจสุขภาพประจำปี
เลือดออกกะปริบกะปรอย
ตกขาวมากผิดปกติหรือมีเลือดปน อาจมีเศษชิ้นเนื้อออกมา
ตกขาวเรื้อรัง ปวดท้องน้อย
มีเลือดออกทางช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์
เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เลือดออกกะปริบกะปรอย
อุจจาระ หรือปัสสาวะเป็นเลือด ไอเป็นเลือด ต่อมน้ำเหลืองโต ไตวาย ฯลฯ (ในมะเร็งที่มีการแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นแล้ว)
การรักษา ขึ้นกับระยะลุกลามของโรค
ติดตามโดยการตรวจซ้ำบ่อยขึ้นในผู้ที่พบเซลล์ผิดปกติ
จี้ด้วยความเย็น ยิงด้วยแสงเลเซอร์
ผ่าตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้า โดยใช้ลวดผ่านกระแสไฟฟ้าฝานเอาชิ้นเนื้อผิดปกติออกไป (loop electrical excision procedure ย่อว่า LEEP)
ตัดคว้านปากมดลูกออกเป็นรูปกรวย (conization)
ผ่าตัดเอามดลูก และปีกมดลูกออกทั้งหมด
ฉายรังสี
เคมีบำบัด
รักษาโรคแทรกซ้อนตามอาการ
การป้องกัน
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรเริ่มตรวจภายในเพื่อคัดกรองโรค (Pap test) ตั้งแต่เริ่มมีเพศสัมพันธ์ ส่วนหญิงพรหมจารีควรเริ่มตรวจคัดกรองเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจภายในทุก 1-5 ปี ให้เหมาะสมตามความเสี่ยงของแต่ละคน สตรีที่เคยมีเพศสัมพันธ์ควรตรวจภายในเพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap test) ปีละครั้ง
ไม่สำส่อนทางเพศ
ไม่สูบบุหรี่
ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (กามโรค)
ไปพบแพทย์ หากมีตกขาว หรือมีเลือดออกผิดปกติ
ปัจจุบันมีการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ HPV จนประสบความสำเร็จ ใช้ฉีดป้องกันเชื้อ HPV16 และ HPV18 ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกได้ นอกจากนี้ยังมีชนิดที่ครอบคลุมเชื้อ HPV6 และ HPV11 ที่เป็นสาเหตุของหูดหงอนไก่ได้ด้วย
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today
