สาวป่วยจิตคลั่งคว้าสปาต้า ทำร้ายคนในครอบครัวเจ็บ
„หญิงป่วยจิตคลุ้มคลั่งคว้ามีดสปาต้าทำร้ายคนในครอบครัวบาดเจ็บ จนท.เกลี้ยกล่อมนานกว่า 4 ชม. ก่อนจับตัวไว้ได้ สาเหตุขาดยารักษาเลยกำเริบ วันพุธที่ 16 มีนาคม 2559 เวลา 7:06 น. เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 16 มี.ค.ร.ต.อ.อภินันท์ สุวรรณบล รองสวป.สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รับแจ้งมีหญิงคุ้มคลั่งใช้มีดจับบุคคลในครอบครัวเป็นตัวประกัน ที่บ้านเลขที่ 31/125 หมู่บ้านพฤกษา12 ซอย 1/6 หมู่ 2 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จึงพร้อมด้วยอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู สมาชิกเหยี่ยวเวหาเขตจ.ปทุมธานี รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์สูง 2 ชั้นปลูกติดกัน บริเวณหน้าบ้านพบไทยมุงเป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่สามารถให้ความช่วยเหลือชายวัย 52 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านออกมาได้ มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดที่มือขวาได้รับบาดเจ็บและยังช่วยเหลือเด็กชายวัย 10 ขวบ ลูกขอผู้ก่อเหตุและเด็กหญิงอายุ 2 ขวบ หลานผู้ก่อเหตุออกมาได้อย่างปลอดภัย โดยที่ภายในบ้านพักปิดไฟมืด พบนางเอ (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยจิตเพศขาดยาอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งภายในมือขวาถือมีดสปาต้ายาว 1 เมตร ซึ่งแม่และพี่น้องพยายามเกลี้ยกล่อมโดยใช้เวลา 3 ชม.ไม่เป็นผลและมีทีท่าดุร้ายเดินส่ายมีดไปมาไม่ยอมสงบสติอารมณ์“
สาวป่วยจิตคลั่งคว้าสปาต้า ทำร้ายคนในครอบครัวเจ็บ
„ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยกู้ภัยพยายามเข้าชาร์จแต่ไม่เป็นผล โดยหญิงคลุ้มคลั่งได้เดินแกว่งมีดไปมา พร้อมกับสาดน้ำไม่ให้ใครเข้ามาใกล้ตัว กระทั่งเวลา 04.00 น. หญิงคลุ้มคลั่งเริ่มมีทีท่าอ่อนล้าพร้อมกับหกล้มทำให้มีดแทงเข้าที่แขนขวาและขาขวา คางกระแทกพื้นเพราะลื่นน้ำภายในบ้านทำให้เลือดไหลนอง เจ้าหน้าที่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้วางมีดจนเป็นผลสำเร็จ จึงทำการปฐมพยาบาลแล้วนำตัวส่งรพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติอย่างเร่งด่วน สอบถามพ่อของนางเอ เผยว่า ลูกสาวเข้ารับการรักษาอาการป่วยทางโรคจิตเภทมานาน 2-3 ปี โดยรับยาของรพ.แห่งหนึ่งจากทางภาคเหนือ แต่ระยะหลังขาดยาทำให้อาการของโรคกำเริบ เมื่อช่วงค่ำเริ่มมีปากเสียงกับคนในครอบครัวกระทั่งไปคว้ามีดภายในบ้านออกมาข่มขู่และพยายามทำร้ายบุคคลในบ้านโชคดีที่ตนเองหลานๆ ปลอดภัย“
สาวป่วยจิตคลั่งคว้าสปาต้า ทำร้ายคนในครอบครัวเจ็บ
„ด้านร.ต.อ.อภินันท์ กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวผู้ได้รับบาดเจ็บไปรักษาอาการที่รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติและจะได้ให้ญาติปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางเพื่อนำผู้ป่วยเข้าทำการรักษา เพื่อไม่ให้มีอาการกำเริบมาทำร้ายบุคคลในครอบครัวและคนใกล้ตัวอีก.“
ที่มา : http://www.dailynews.co.th/regional/385951