นักวิจัยในสหรัฐอเมริกาได้ผลิตรูปแบบโปรแกรมของสมาร์ทโฟนที่สามารถวินิจฉัยโรคมะเร็งได้ นักวิจัยจาก Harvard Medical School กล่าวว่า เทคโนโลยีนี้สามารถตรวจสอบได้อย่างสมบูรณ์สำหรับโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งต่อมน้ำเหลืองการศึกษานี้ได้ลงรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการพัฒนาไว้ใน Proceedings of the National Academy of Sciences (PNAS) และบอกด้วยว่าการทดสอบนั้นรวดเร็วและมีราคาที่ไม่แพงการพัมนาแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟนชนิดใหม่นี้ได้ใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าหลายอย่าง รวมไปถึงกล้องที่ใช้ในการส่องสิ่งที่เล็กๆมากๆCesar Castro ซึ่ง เขาเป็นผู้นำการศึกษาในครั้งนี้กล่าวว่า “ ในช่วงสุดท้ายที่เราทำการพัฒนาเราได้นำตัวอย่างจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเลือด ชิ้นเนื้อเล็กๆ น้ำลาย เข้าไปวางไว้อยู่บนถาดเล็กๆที่ติดอยู่กับตัวของสมาร์ทโฟน” พวกเรารักษาชิ้นเนื้อเล็กๆจากผู้หญิงที่มีการตรวจมะเร็งปากมดลูกในช่วงระยะเริ่มแรกซึ่งผ่านการตรวจมาก่อนหน้านี้แล้วด้วยการทำ pap smear พวกเราทำการตรวจสอบมันผ่านอุปกรณ์สมาร์ทโฟนของพวกเราและเราสามารถพบความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลที่อ่านได้จากอุปกรณ์ชนิดนี้ และมันถูกตีผลออกมาแอพพลิเคชั่นนี้ยังสามารถที่จะตรวจสอบโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้อีกด้วย พวกเราคิดว่าแอพพลิเคชั่นนี้มีประโยชน์อย่างมาก และพวกเราได้ศึกษาเพิ่มเติมออกไปอีกในการดู DNA จากไวรัสซึ่งนั่นอาจทำให้แอพพลิเคชั่นนี้นำไปใช้ในโรคติดเชื้อต่างๆได้สิ่งนี้ไม่ใช่แอพพลิเคชั่นที่ประชาชนทั่วไปจะดาวน์โหลดมันเก็บไว้ในสมาร์ทโฟนเพื่อที่พวกเขาจะทำการวินิจฉัยตัวเอง มันไม่ใช่ส่วนเสริมของ ดอกเตอร์ google ที่ผู้คนจะใช้ตรวจหาโรคของพวกเขาได้ในอินเตอร์เน็ตพวกเราคิดว่าสิ่งนี้น่าจะอยู่ในชุมชนหรืออย่างน้อยในหนึ่งพื้นที่ที่พวกเขาจะสามารถทำการตรวจโรคได้อย่างไม่มีที่ติเพื่อเข้าสู่การรักษาในขั้นตอนถัดไปแต่พวกเราเห็นว่าหลังจากนี้จะต้องมีการตรวจสอบและการทดสอบต่อไปอย่างแน่นอนว่า เราสามารถที่จะทำการตรวจชิ้นเนื้อและใช้เลือดของมนุษย์ด้วยวิธีอื่นๆที่เหนือกว่า เพื่อให้สอดคล้องกับแรงผลักดันในปัจจุบันที่มีอุปกรณ์สวมใส่และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ข้อมูลก็จะถูกส่งไปยังผู้ให้บริการหนึ่งๆ และเปิดช่องทางในการติดต่อสื่อสารไม่ว่าจะเป็นที่ต้องการต่อการตรวจสอบหรือไม่ก็ตามCesar Castro กล่าวว่า “การทดสอบหามะเร็งโดยการใช้แอพพลิเคชั่นนี้จะให้ผลออกมาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงและมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า 2 อเมริกันดอลลาห์
ที่มา
http://www.vcharkarn.com/vnews/502170
