ผู้เขียน หัวข้อ: เตือนไทยในพม่า ให้ระวังตัว ฮือประหาร2หม่อง  (อ่าน 934 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์
จ่อชุมนุมหน้าสถานทูตย่างกุ้ง ศาลสิ้นข้อสงสัยในหลักฐาน คดีฆ่าขืนใจ2อังกฤษเกาะเต่า

ศาลจังหวัดเกาะสมุยสั่งประหารชีวิต 2 จำเลยชาวพม่า ก่อเหตุสะเทือนขวัญฆ่าและขืนใจหนุ่มกับแหม่มสาวนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษตายสยอง 2 ศพ บนเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ระบุกระทำความผิดหลายกระทง ให้ลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว มารดาของจำเลยทั้งคู่มาฟังคำพิพากษา เสียใจอย่างหนักถึงกับโผเข้ากอดลูกชายร่ำไห้โฮกลางศาล ยังยืนยันลูกชายเป็นผู้บริสุทธิ์ ขณะที่ทีมทนายความเตรียมยื่นอุทธรณ์คดี ด้านครอบครัวผู้ตายชื่นชมศาลไทยที่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว หลังอดทนรอฟังคำพิพากษามานานกว่า 1 ปี ด้านอดีต ผบ.ตร.ชี้คำตัดสินของศาลทำให้สังคมหมดข้อสงสัยเสียทีที่เข้าใจว่าตำรวจจับแพะ

ศาลพิพากษาลงโทษประหารชีวิต 2 จำเลยชาวพม่าก่อเหตุฆ่าและขืนใจนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษตายสยอง 2 ศพ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 ธ.ค. ศาลจังหวัดเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นัดอ่านคำพิพากษาคดีในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2040/2557 ที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายซอลิน หรือโซเรน อายุ 21 ปี ชาวเมียนมา จำเลยที่ 1 นายเวพิว หรือวิน อายุ 21 ปี ชาวเมียนมา จำเลยที่ 2 ร่วมก่อคดีฆาตกรรม น.ส.ฮานนาห์ วิคตอเรีย วิทเธอริดจ์ อายุ 24 ปี และนายเดวิด วิลเลียม มิลเลอร์ อายุ 24 ปี นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษเสียชีวิต 2 ศพ ที่หาดทรายรี หมู่ 2 ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี

ทั้งนี้ อัยการฟ้องสรุปว่าเมื่อกลางดึกวันที่ 15 ก.ย. 2557 มีผู้พบศพ น.ส.ฮานนาห์ วิคตอเรีย วิทเธอริดจ์ และนายเดวิด วิลเลียม มิลเลอร์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ถูกฆ่าตายใกล้โขดหินบนหาดทรายรี หมู่ 2 ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี สภาพศพทั้งคู่มีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งศีรษะแตกเป็นแผลฉกรรจ์ โดยเฉพาะ น.ส.ฮานนาห์ พบร่องรอยการขืนใจด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บหลักฐานต่างๆ รวมทั้งจอบขุดดินอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ที่ตกในที่เกิดเหตุส่งไปตรวจพิสูจน์หาเบาะแสคนร้าย ต่อมาได้จับกุมนายเวพิว หรือวิน และนายซอลิน หรือโซเรน ชาวเมียนมา ที่มาทำงานใช้แรงงานบนเกาะเต่า โดยมีหลักฐานระบุทั้งสองเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุ สอบสวนเบื้องต้นทั้งคู่ให้การรับสารภาพร่วมกันฆ่าผู้ตายและขืนใจหญิงสาวผู้ตาย
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสองอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ สามารถมองเห็นและเดินไปหาผู้ตาย ทั้งยังพบคราบอสุจิของจำเลยที่ช่องคลอดและทวารหนักของผู้ตายที่สอง เมื่อเก็บหลักฐานไปตรวจพบดีเอ็นเอตรงกับของจำเลย และยากที่จะมีคนนำไปใส่ในร่างกายผู้ตาย เป็นการตรวจที่เป็นที่ยอมรับสากลมีความน่าเชื่อถืออย่างสนิทใจ นอกจากนี้ ยังมีพยานยืนยันว่าจำเลยที่สองเอาโทรศัพท์มือถือมามอบให้พยาน แสดงว่าจำเลยที่ 2 มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ สิ่งเหล่านี้เป็นพยานแวดล้อมที่เกิดขึ้นสามารถนำมาเชื่อมโยงฟังได้อย่างสิ้นข้อสงสัย โดยไม่ต้องอาศัยคำรับสารภาพ

คดีฟังได้ว่าจำเลยร่วมกันโทรมหญิง ขณะที่ผู้ตายที่สองยังมีชีวิต และจากลักษณะจอบที่พบมีร่องรอยเข้ากับร่องรอยที่ศพ แสดงว่าใช้จอบเป็นอาวุธทำร้ายผู้ตายที่สองในที่เกิดเหตุหลายครั้ง ในลักษณะมีการคบคิดกันมาก่อน และใช้จอบทำร้ายผู้ตายที่หนึ่งในเวลาไล่เลี่ยกัน ส่วนที่จำเลยอ้างว่ามีการสอบสวนที่ไม่ชอบและไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเช่นเรื่องล่าม การไม่จัดหาทนายความ จำเลยไม่มีพยานหลักฐานใดๆ มาสนับสนุนข้อต่อสู้ของตน จึงฟังว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายที่ 1 ร่วมกันฆ่าผู้ตายที่ 2 เพื่อปกปิดความผิดของตน ให้ประหารชีวิต

นอกจากนี้ จำเลยยังผิดฐานร่วมกันโทรมหญิง ลงโทษจำคุกคนละ 20 ปี ฐานลักทรัพย์เวลากลางคืน จำคุกคนละ 2 ปี ฐานเป็นต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านการตรวจของตรวจคนเข้าเมือง จำคุกกระทงละ 6 เดือน เมื่อลงโทษจำเลยให้ประหารชีวิต เป็นบทหนักแล้ว ไม่อาจลงโทษความผิดกระทงอื่นได้ คงให้ประหารชีวิตสถานเดียว

หลังจากศาลได้อ่านคำพิพากษาประหารชีวิตนายซอลินและนายเวพิวจำเลยทั้ง 2 คน นางเมไต มารดาของนายซอลิน และนางพิว ชุยนุก มารดาของนายเวพิว ที่เดินทางมาที่ฟังคำพิพากษาที่ศาลพร้อมกับทีมทนายความได้โผเข้ากอดลูกชายทั้งสองคนร้องไห้โฮกลางห้องพิจารณาคดี พร้อมกับบอกว่าลูกชายของตนไม่มีความผิด ขอให้ศาลให้ความเป็นธรรมด้วย ขณะที่ทีมทนายความและฝ่ายกฎหมายจากสถานทูตเมียนมา ได้ร่วมปรึกษากันเพื่อเตรียมยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน จากนั้นทีมทนายความได้เข้าพยุงร่างนางเมไตและนางพิว ชุยนุก มารดาของจำเลยที่อยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจอย่างหนักและร่ำไห้ตลอดเวลาขึ้นรถเดินทางกลับไป

ด้านญาติของผู้ตาย มีบิดา มารดา และน้องชายของนายเดวิด วิลเลียม มิลเลอร์ 1 ใน 2 ผู้ตาย พร้อมเจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษเดินทางมาฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดเกาะสมุย ส่วนครอบครัวของ น.ส.ฮานนาห์ผู้ตายอีกคนไม่ได้เดินทางมายังศาล หลังศาลมีคำพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสองคน ทางครอบครัวของนายเดวิดได้กล่าวขอบคุณผู้พิพากษาที่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวมิลเลอร์ ที่ได้อดทนรอผลคำพิพากษามานานกว่า 1 ปี หลังเกิดเหตุเศร้าสลดขึ้นกับครอบครัว
นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ กล่าวถึงกรณีศาลจังหวัดเกาะสมุยพิพากษาประหาร ชีวิตสองจำเลยคดีเกาะเต่า ว่า คดีนี้ทางสภาทนายความได้เข้าช่วยเหลือฝ่ายจำเลย เพราะญาติและสถานทูต ได้ร้องขอมา และได้จัดทนายความระดับอุปนายกและทนายอีก 3 คนลงไปรวบรวมข้อเท็จจริง เพราะคดีนี้มีอัตราโทษที่สูง เมื่อผลคดีเป็นอย่างนี้จะไปคัดคำพิพากษาและจะค้นหาประเด็นที่ศาลนำมาเป็นจุดที่ฟังว่าจำเลยกระทำผิด โดยจะตั้งคณะทำงาน ขึ้นมาวิเคราะห์คำพิพากษาโดยเฉพาะ ดังนั้น ทาง สภาทนายความจะดำเนินการต่อไปในชั้นอุทธรณ์หากฝ่ายญาติจำเลยและสถานทูตขอรับความช่วยเหลือ ขณะนี้พร้อมอุทธรณ์คำพิพากษาในคดี

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร.และ สนช.กล่าวว่า คดีฆ่าและขืนใจนักท่องเที่ยวที่เกาะเต่า ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งชุดสืบสวนและสอบสวนได้ทำคดีอย่างละเอียด รอบคอบตามขั้นตอน ตรงไปตรงมา ไม่มีการกลั่นแกล้งให้ร้ายป้ายสี ตนและ ผบ.ตร.คนปัจจุบันได้ลงไปกำกับดูแลตั้งแต่ต้น ทั้งพนักงานสอบสวน ชุดสืบสวน ประจักษ์พยาน พยานจากสถานที่เกิดเหตุ พยานทางนิติวิทยาศาสตร์ มีความสมบูรณ์ แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจากประเทศอังกฤษที่เข้ามาดูการทำงานของตำรวจไทยยังชื่นชม แต่ถูกสังคมเคลือบแคลงสงสัย คิดมโนเอาว่าเป็นแพะบ้าง อะไรบ้าง วันนี้จะทำให้สังคมได้รับรู้และเกิดความกระจ่างตามที่ศาลได้มีคำพิพากษาเป็นการยืนยันการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอชื่นชมชุดทำงานทุกคน และคิดว่าเมื่อผลออกมาแบบนี้ขอให้ทุกคนจงภาคภูมิใจในผลงานซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของตำรวจและคนไทย

วันเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรณีศาลพิพากษาประหารชีวิต 2 ผู้ต้องหาชาวเมียนมา ในคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 ศพ บนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี นายไมเคิล มิล-เลอร์ พี่ชายของผู้ตายนายเดวิด มิลเลอร์ พร้อมครอบครัวที่เดินทางจากอังกฤษมาฟังคำพิพากษาครั้งนี้ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังคำตัดสินว่า สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน คือน้องชาย และ น.ส. ฮานนาห์ วิคตอเรีย วิทเธอริดจ์ ได้รับความ ยุติธรรมแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้สืบสวนอย่าง ถี่ถ้วนและละเอียดรอบคอบ หลักฐานที่นำมามัดตัว ผู้ต้องหาถือว่ามากมายเหลือคณานับ ขณะที่ครอบครัว ของ น.ส.ฮานนาห์เผยว่า การพิจารณาคดีถือเป็นช่วงเวลา ที่เจ็บปวดและสับสนสำหรับพวกเรา หลังจากนี้ครอบครัวต้องขอเวลาปรับอารมณ์ต่อผลลัพธ์ที่ออกมา และหาคำพูดที่เหมาะสมในการเล่าเรื่องนี้ต่อไป

สำหรับคดีฆาตกรรม น.ส. ฮานนาห์ วิคตอเรีย วิทเธอริดจ์ และนายเดวิด วิลเลียม มิลเลอร์ อายุ 24 ปี นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกิดขึ้นนับเป็นคดีสะเทือนขวัญและกระทบต่อภาพลักษณ์และบรรยากาศด้านการท่องเที่ยว หลังตำรวจจับกุมผู้ต้องหาทั้งคู่ให้การรับสารภาพ ระหว่างถูกควบคุมตัวในเรือนจำเกาะสมุย ผู้ต้องหาได้เขียนหนังสือร้องทุกข์ อ้างว่าถูกซ้อมบังคับให้รับสารภาพ ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความพยายามในการรวบรวมพยานหลักฐานมัดแน่นก่อนสรุปสำนวนให้อัยการส่งฟ้อง กระทั่งศาลมีคำพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง 2 คน หลังต่อสู้คดีมานานกว่า 1 ปี

ล่าสุดเว็บไซต์ข่าวเดอะอิรวดี ของเมียนมา รายงานอ้างการเปิดเผยของนายซอว์ เตย์ ผอ.ประจำสำนักประธานาธิบดีเมียนมา ว่ารัฐบาลเมียนมาจะใช้ช่องทางการทูตช่วยเหลือ 2 ผู้ต้องหาคดีเกาะเต่า ในขั้นตอนยื่นขออุทธรณ์ โดยจะพยายามไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ส่วนนายอู วิน หม่อง เอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย กล่าวว่า จะให้การสนับสนุนผู้ต้องหาผ่านช่องทางกฎหมาย จะติดต่อประสานกับรัฐบาลไทยเท่าที่จำเป็น กระบวนการต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมายไทยทีละขั้นตอน อาจมีการเปลี่ยนแปลงในขั้นตอนอุทธรณ์หรือไม่ ยังไม่มีใครทราบได้

วันเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงย่างกุ้ง ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ กรณีศาลจังหวัด เกาะสมุย มีคำพิพากษาประหารชีวิต 2 จำเลยชาวเมียนมา ทำให้เกิดกระแสการต่อต้านคำตัดสินดังกล่าว โดยเฉพาะทางสังคมออนไลน์ และมีการนัดหมายมาชุมนุมประท้วงบริเวณหน้าสถานทูตฯ ในวันที่ 25 ธ.ค. ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยทางสถานทูตฯ ขอให้ทุกคนเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางในช่วงนี้เป็นพิเศษ และหลีกเลี่ยงการแสดงตัวเป็นคนไทยในที่สาธารณะโดยไม่จำเป็น โดยจะแจ้งพัฒนาการของเหตุการณ์ให้ทราบเป็นระยะ

ด้านนายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน มีประชาชนเมียนมาประมาณ 30 คน ที่ไม่พอใจคำตัดสินประหารชีวิต 2 จำเลยคดีเกาะเต่า มารวมตัวประท้วงหน้าสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงย่างกุ้ง เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ก่อนสลายตัวไปโดยสงบ ขณะที่ทางการเมียนมาได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมารักษาการณ์ที่หน้าสถานทูตประมาณ 15-20 นาย ทั้งนี้ สถานทูตไทยได้แจ้งเตือนให้ชาวไทยในเมียนมาให้ติดตามข่าวสารและเพิ่มความระมัดระวังแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าคนไทยในเมียนมาได้รับผลกระทบแต่อย่างใด






ที่มา http://www.thairath.co.th/