เรื่องสยองในห้องนักบิน เผลอทำกาแฟร้อนหกใส่แผงคอนโทรล กลายเป็นนาทีวิกฤตเหนือมหาสมุทรแอตแลนติก นักบินตัดสินใจบินวนกลับเข้าชายฝั่ง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดกรณีกาแฟร้อนหกภายในห้องนักบินเครื่องบินโดยสารลำหนึ่ง ระหว่างกำลังบินอยู่กลางมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นเหตุทำให้ปุ่มคอนโทรลระบบต่างๆ ของเครื่องบินได้รับความเสียหาย และเกิดการช็อตบางส่วน ทำให้นักบินตัดสินใจบินวนกลับเข้าสู่ชายฝั่งแทน
ตามรายงานระบุว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ทางฝ่ายสืบสวนอุบัติเหตุทางอากาศ (AAIB) เพิ่งจะสรุปผลรายงานการสืบสวนสอบสวนอุบัติเหตุจากกรณีดังกล่าวออกมาอย่างเป็นทางการ โดยเหตุเกิดขึ้นบนเครื่องบินโดยสารลำหนึ่ง รุ่นแอร์บัส A330-243 หลังจากที่บินออกมาจากนครแฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมัน เพื่อมุ่งหน้าไปยังแคนคูน ประเทศเม็กซิโก พร้อมกับผู้โดยสาร 326 ชีวิตบนเครื่องบิน
แต่ระหว่างที่เครื่องบินได้บินตามเส้นทางเลาะขอบมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนืออยู่นั้น ปรากฏว่าแก้วกาแฟร้อนของนักบินได้เกิดกระฉอกและตกใส่แผงควบคุมภายในห้องนักบิน น้ำกาแฟได้ไหลซึมเอาไปตามปุ่มต่างๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้อมูลจากบันทึกทางการบินพบว่า หลังจากนั้นอีก 40 นาทีต่อมา ปุ่นคอนโทรลต่างๆ บนแผงควบคุมเริ่มมีความร้อนขึ้นสูง และเกิดการเผาไหม้เล็กๆ เนื่องจากการช็อตของกระแสไฟฟ้า
หลังจากนั้นอีก 20 นาที สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะปุ่มบางปุ่มเริ่มหลอมละลายเพราะความร้อน ขณะที่เครื่องบินได้บินออกมาอยู่ตอนกลางของมหาสมุทรแล้ว นักบินผู้ที่มีประสบการณ์การบินมากกว่า 13,000 ชั่วโมง จึงได้ตัดสินใจเลี้ยวกลับเข้าสู่ชายฝั่ง ก่อนจะขอลงจอดฉุกเฉินที่เกาะไอร์แลนด์ในเวลาต่อมา
จากรายงานยังระบุว่า การบินวกกลับไปจอดที่เกาะไอร์แลนด์เป็นไปอย่างราบรื่นดี โดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอันตราย แต่พบว่านักบินต้องสวมใส่หน้าอากาศออกซิเจนเอาไว้ตลอดเวลา เนื่องจากสภาวะทางอากาศภายในห้องนักบินค่อนข้างแปรปรวน และมีรายงานว่าเกิดกลุ่มควันเล็กน้อยขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นจากความประมาทของมนุษย์ โดยเชื่อว่านักบินไม่ได้วางกาแฟไว้ในช่องใส่แก้วของนักบิน หรืออาจจะใช้แก้วกาแฟที่มีขนาดเล็กกว่าช่องใส่แก้ว ทำให้แก้วร่วงหล่นและน้ำหกใส่ปุ่มคอนโทรล และยังอยู่ระหว่างการสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงในการนำของเหลวเข้าในห้องนักบินในครั้งนี้ ขณะที่ทางสายการบินก็ได้ทำการออกแถลงขอโทษผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบครั้งนี้อย่างเป็นทางการแล้ว
ที่มา....
https://www.sanook.com/news/7895010/
