ผู้เขียน หัวข้อ: ไฮโซฟองน้ำ โกง 600 ล้าน โพสต์บอกไม่หนีไปไหน แต่ล่าสุดออกนอกประเทศไปแล้ว  (อ่าน 188 ครั้ง)

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 2325
    • อีเมล์



ไฮโซฟองน้ำ โกง 600 ล้าน โพสต์ยอมรับผิด บอกไม่หนีไปไหน แต่ล่าสุดตำรวจพบว่าออกนอกประเทศไปแล้วพร้อมน้องชายและน้องสะใภ้

ความคืบหน้ากรณีมีผู้เสียหาย จากการออมเงินบ้านฟองน้ำ นับ 100 ราย เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี และพื้นที่ใกล้เคียง ให้ดำเนินคดีกับ นางสาวปิยะธิดา หรือ ฟองน้ำ อายุ 25 ปี ไฮโซสาวในจังหวัดอุบลราชธานี ที่ชวนมาลงทุนออมเงิน โดยอ้างว่าจะให้ผลตอบแทนเป็นกำไรร้อยละ 5 ต่อ 15 วัน และร้อยละ 10 ต่อเดือน ทำมานานกว่า 2 ปี จนมีเหยื่อหลงเชื่อกว่า 500 ราย ยอดเงินรวมกว่า 600 ล้านบาท ก่อนจะปิดแอปพลิเคชันและหลบหนีไป

เมื่อวานนี้ (25 มิ.ย.65) ศาลจังหวัดอุบลราชธานี อนุมัติหมายจับ นางสาวปิยะธิดา หรือไฮโซฟองน้ำ ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ขณะเดียวกันมีกลุ่มผู้เสียหายบางส่วน ออกตามหาตัวไฮโซฟองน้ำ รวมทั้งน้องชายและน้องสะใภ้ ที่บ้านพัก แต่ไม่เจอตัว มีเพียง รปภ.ที่แจ้งว่า เจ้าของบ้านให้คนมาขนของออกไป ตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย. และยังไม่เห็นกลับมาที่บ้านอีกเลย


ส่วนญาติของนางสาวปิยะธิดา ก็บอกว่า ตนเองตกเป็นเหยื่อถูกหลอกนำเงินกว่า 3 ล้านบาทไปลงทุนออมเงินเช่นกัน และตอนนี้ก็ไม่ทราบว่า นางสาวปิยะธิดา น้องชาย และน้องสะใภ้ หนีไปอยู่ที่ไหน


ขณะเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวของนางสาวปิยะธิดา หรือไฮโซฟองน้ำ หลังถูกออกหมายจับ ก็โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ยอมรับผิดทุกอย่างและขอโทษทุกคน รวมทั้งยืนยันว่า ไม่ได้หนีไปไหน และไม่ได้มีเจตนาโกงใคร ไม่เคยนำเงินคนอื่นไปยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ขอให้หยุดคุกคามครอบครัวของเธอ นอกจากนี้ เธอยังระบุว่า หากเอากฎหมายมาเล่นงานเธอ เธอก็แค่เดินเข้าห้องขัง ทุกคนจะเสียผลประโยชน์ และปิดท้ายว่า เธอสัญญาว่าจะติดต่อกลับไปหาผู้เสียหายทุกคน เพื่อชี้แจง


แต่ล่าสุด มีรายงานว่า ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี และตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ตรวจสอบพบว่า นางสาวปิยะธิดา พร้อมด้วยนายวุฒินันท์ น้องชาย และนางสาวเพ็ญนภา น้องสะใภ้ หลบหนีไปประเทศเวียดนามแล้ว โดยเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. เวลาประมาณ 14.00 น. ซึ่งตำรวจจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป


ขอขอบคุณ

ข้อมูล :ช่อง 3


ที่มา...https://www.sanook.com/news/8582690/