ผู้เขียน หัวข้อ: ผัวเมียสุดเฮง ซื้อรถมือสอง เอาเลขทะเบียนไปเสี่ยงโชค ถูกรางวัลที่ 1 รวย 12 ล้าน  (อ่าน 179 ครั้ง)

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 2325
    • อีเมล์



ผัวเมียสุดเฮง ซื้อรถหกล้อมือสอง เอาเลขทะเบียนไปเสี่ยงโชค ฝันว่ามีคนมาหาที่บ้านเยอะมาก ก่อนถูกรางวัลที่ 1 รวย 12 ล้าน

ผู้สื่อข่าวจังหวัดบึงกาฬรายงานว่ามี 2 สามีภรรยาคู่หนึ่งดวงเฮงสุดๆ ซื้อลอตเตอรี่งวดวันที่ 1 สิงหาคมถูกรางวัลที่ 1 ถึง 2 ใบรับเงิน 12 ล้านบาท กลายเป็นเศรษฐีคนใหม่ทันที จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้าน หมู่ที่ 4 บ้านห้วยผักขะ ตำบลเซกา อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งเป็นบ้านของ นายสมบัติ แข็งขัน และ นางขวัญใจ แข็งขัน อายุ 41 ปี สองสามีภรรยาผู้ดวงเฮง

เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงบ้าน ทั้ง 2 คนก็นำลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 ออกมาให้ชมทันที ซึ่งระบุว่าเป็นงวดที่ 30 ชุดที่ 31 เลขที่ถูกคือ 436594 งวดประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2565 โดยนางขวัญใจได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ปกติตนเองก็ไม่ค่อยได้ซื้อลอตเตอรี่เยอะเท่าไหร่งวดละ 2-3 ใบแต่มางวดนี้ซื้อไปทั้งหมด 7 ใบ และ 2 ใน 7 ใบนั้นก็เป็นลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 สิงหาคม 65 นางขวัญใจเล่าต่อไปว่าพวกตนและสามีเพิ่งไปซื้อรถ 6 ล้อมือสองมาวิ่งตั้งใจว่าจะเอาไว้รับจ้างทั่วไป โดยได้ทะเบียนติดรถมาจากเจ้าของเดิมด้วยคือ 80-5094 ก็เลยนำเลขทะเบียนรถที่ลงท้ายด้วย 94 ไปหาซื้อลอตเตอรี่ จึงได้เลข 436594 ก็ไม่คิดว่าจะถูกรางวัลที่ 1 เพียงคิดว่าถูกเลขท้าย 2 ตัวก็ยังดี คือลองซื้อเสี่ยงดวงดูเฉยๆ

เมื่อซื้อมาแล้วคืนหนึ่งก็ฝันว่ามีคนมาหาที่บ้านเยอะมาก จนตนเองก็ตกใจ ตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก อีกอย่างก็เป็นเดือนวันเกิดของตัวเองด้วย คือเกิดวันที่ 12 กรกฎาคม 2524 จึงได้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าเมื่อวันเกิดตัวเองปีที่แล้วหมูที่เลี้ยงเอาไว้เกิดเป็นโรคระบาดหมูหรือชาวบ้านเรียกว่าเป็นห่าตายหมด เสียเงินไปมาก พอถึงวันเกิดปีนี้จึงกราบไว้พระขอพรว่าขอให้มีโชคมีลาภมีเงินทองเข้ามาบ้าง จึงเชื่อว่าจากเหตุนี้จึงทำให้มีส่วนของความโชคดีวันนี้ อีกอย่างความกตัญญูต่อพ่อแม่ก็เป็นบุญเบิกทางอีกเช่นเดียวกันที่ทำให้ตนถูกลอตเตอรี่ครั้งนี้ เพราะพ่อของตนเองได้ป่วยเป็นโรคหัวใจตนเองก็ดูแลทั้งพ่อและแม่ด้วยดีเสมอมา ส่วนเงินรางวัลที่ได้ 12 ล้านบาท อันดับแรกจะมาใช้หนี้ ธกส.ก่อน 300,000 บาท ส่วนที่เหลือค่อยวางแผนกันอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อไป


ที่มา...https://www.sanook.com/news/8601326/