ผู้เขียน หัวข้อ: "ข้อเท้าแพลง" กับอันตรายแฝงที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน  (อ่าน 2342 ครั้ง)

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 2325
    • อีเมล์



หลายคนอาจจะคิดว่า แค่ข้อเท้าแพลง แปปเดียวก็หาย แต่จริงๆ แล้วอาจแฝงอันตรายที่เราอาจไม่ทันระวังได้

ปวดบวมบริเวณตาตุ่ม มีรอยฟกช้ำ หรือเดินลงน้ำหนักไม่ได้ เป็นลักษณะเฉพาะของอาการ “ข้อเท้าแพลง” ที่สามารถสังเกตได้ทางกายภาพหลังจากเกิดอุบัติเหตุ หรือการเล่นกีฬา ทว่าอาการเหล่านี้ยังสามารถบ่งบอกกลุ่มโรคบางอย่างได้ หากแต่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์

นพ.กวิน วงศ์ทองศรี แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์กระดูกและข้อ อนุสาขาศัลยศาสตร์เท้าและข้อเท้า ศูนย์กล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ โรงพยาบาลนวเวช รวบรวมข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับอาการ “ข้อเท้าแพลง” ที่เป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านในการสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นตั้งแต่เบื้องต้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นแนวทางในการเข้าสู่กระบวนการรักษาได้อย่างทันท่วงที

ข้อเท้าแพลง คืออะไร

ข้อเท้าแพลง คืออาการบาดเจ็บของเส้นเอ็นบริเวณตาตุ่มนอก พบได้บ่อยจากอุบัติเหตุ การเล่นกีฬา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วประมาณ 80% สามารถหายได้เอง โดยไม่ต้องผ่าตัดหากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม

อาการของข้อเท้าแพลง
*ปวด บวม บริเวณตาตุ่มนอก
*มีจุดเลือดออกใต้ผิวหน้า ฟกช้ำ จ้ำเลือด
*เดินลงน้ำหนักไม่ได้
อาการดังกล่าวอาจจะมีกลุ่มโรคที่มีอาการแสดงที่ใกล้เคียงกัน เช่น กระดูกข้อเท้าหัก กระดูกโคนนิ้วเท้าที่ 5 หัก เส้นเอ็นตาตุ่มนอกหลุด กระดูกส้นเท้าหัก เป็นต้น อย่างไรก็ตามควรวินิจฉัยแยกโรคโดยแพทย์เฉพาะทางเพื่อทำการรักษาต่อไป

การรักษาข้อเท้าแพลง
1.ควรพักการเดิน และการใช้งานเท้าข้างที่บาดเจ็บ
2.ประคบเย็นบริเวณที่บาดเจ็บ
3.ยกขาสูง เพื่อลดอาการบวมของเท้า
4.แพทย์อาจจะพิจารณาการรักษาโดยวิธีการใส่เฝือก กรณีที่มีอาการบาดเจ็บรุนแรง ระยะเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์
5.การให้รับประทานยาเพื่อลดการอักเสบของข้อเท้า

ควรนัดตรวจติดตามอาการหลังทำการรักษาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ถ้าหากอาการบาดเจ็บยังไม่ดีขึ้น อาจจะพิจารณาการรักษาเพิ่มเติม โดยวิธีการทำกายภาพ และหากภายใน 6 สัปดาห์ อาการบาดเจ็บยังไม่ดีขึ้น แพทย์จะทำ MRI เพื่อวินิจฉัยภาวะโรคอื่นที่เกิดร่วมกัน เช่น กระดูกอ่อนผิวข้อบาดเจ็บ หรือ เส้นเอ็นเหนือข้อเท้าฉีกขาดฯ

อย่างไรก็ตามประมาณ 20% ของคนไข้ข้อเท้าแพลง จะมีอาการข้อเท้าไม่มั่นคงหลงเหลืออยู่ ซึ่งจำเป็นต้องรักษาโดยวิธีการผ่าตัด ณ ปัจจุบันการผ่าตัดแบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ

1.การผ่าตัดแบบเปิด คือ การผ่าตัดเปิดเพื่อซ่อมเส้นเอ็นที่บาดเจ็บ เป็นวิธีมาตรฐานในการรักษา
2.การผ่าตัดแบบส่องกล้อง เป็นทางเลือกในการรักษาในปัจจุบัน ช่วยลดขนาดแผลผ่าตัดได้ ซึ่งผู้ป่วยต้องปรึกษากับแพทย์ เพื่อร่วมกันตัดสินใจในการรักษาต่อไป

การป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ
1.ภายหลังจากอาการบาดเจ็บดีขึ้นแล้ว ควรฝึกการบริหารข้อเท้า เพื่อทำให้เส้นเอ็นที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าเรียงตัวได้ดีขึ้น และป้องกันการเกิดข้อเท้าพลิกซ้ำได้ในอนาคต
2.หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูง
3.ใส่อุปกรณ์พยุงข้อเท้า เพื่อป้องกันข้อเท้าพลิกซ้ำ
4.งดเล่นกีฬาที่มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บซ้ำสูง

ขอขอบคุณ

ข้อมูล :นพ.กวิน วงศ์ทองศรี แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์กระดูกและข้อ อนุสาขาศัลยศาสตร์เท้าและข้อเท้า ศูนย์กล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ โรงพยาบาลนวเวช

ภาพ :iStock


ที่มา...https://www.sanook.com/health/35829/