ผู้เขียน หัวข้อ: ลูก"ลาเดน"แฉนาที สหรัฐฆ่า จับยิงทั้งไร้อาวุธ  (อ่าน 3140 ครั้ง)

ออฟไลน์ vt

  • medtech ปี เอก
  • ******
  • กระทู้: 530
    • อีเมล์








ผาธง - ชาวปากีสถานที่เมืองมุลตันจุดไฟเผาธงชาติสหรัฐ ประณามการจับตายนายโอซามา บิน ลาเดน ผู้นำอัล ไคด้า ขณะที่ผู้นำมุสลิมในกรุงเยรูซาเลมประกาศล้างแค้นให้บิน ลาเดน เมื่อวันที่ 4 พ.ค.

สื่อดังโลกอาหรับเผย ลูกสาว "บิน ลาเดน"ให้การจนท.ปากีฯ ยืนยัน ทหารสหรัฐจับเป็นพ่อได้โดยไร้ทางสู้ แต่จู่ๆ ก็ยิงทิ้งต่อหน้าต่อตาคนทั้งครอบครัว แล้วลากศพไปขึ้นเฮลิคอป เตอร์ ขณะที่ทำเนียบขาวยอมรับขณะหน่วย "ซีล" ลุยเข้าเซฟเฮาส์นั้น บิน ลาเดน ไม่มีอาวุธติดตัวจริง แต่ขัดขืนจับกุม อดีตนายกฯ เยอรมันกับนักสิทธิฯ ชี้ปฏิบัติการเด็ดหัวบิ๊กอัล ไคด้า ครั้งนี้ของสหรัฐละเมิดกฎหมายสากลร้ายแรง อิหม่ามมัสยิดศักสิทธิ์แห่งเยรูซาเลมขู่จับ "โอบามา" ผู้นำสหรัฐแขวนคอพร้อม "บุชจูเนียร์" ผู้เชี่ยวชาญต้านก่อการร้ายชี้จากนี้สถานที่ "ซอฟต์ ทาร์เก็ต" ในสหรัฐเลี่ยงไม่พ้นตกเป็นเป้าวินาศ กรรมล้างแค้นแน่นอน



สหรัฐรับ"ลาเดน"ไม่มีอาวุธ

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. เว็บไซต์ข่าวหนังสือพิมพ์เดลี่เมล์ สิ่งพิมพ์ชื่อดังของโลกตะวันตก รายงานว่า นายเจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาว หรือคณะบริหารรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เปิดแถลงรายละเอียดเพิ่มเติมในเหตุการณ์ที่ทหารหน่วยซีลของสหรัฐบุกสังหารนายโอซามา บิน ลาเดน ผู้นำกลุ่มก่อการร้ายสากลอัลไคด้า ในเซฟเฮาส์ เมืองอับบอตตาบัด ประเทศปากีสถาน ว่า ช่วงที่หน่วยซีลบุกเข้าไปในเซฟเฮาส์นั้น บิน ลาเดน ขัดขืนการจับกุม แต่ไม่มีอาวุธอยู่ที่ตัว จากนั้นจึงถูกทหารยิงที่ศีรษะและหน้าอกเสียชีวิต ระหว่างนาทีปลิดชีพ มีภรรยาของบิน ลาเดน ถูกยิงที่ขา แต่ไม่เสียชีวิต ส่วนหญิงที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ไม่ใช่ภรรยา

"อย่างไรก็ตาม หน่วยซีลที่บุกเข้าไปในที่หลบซ่อนตัวของบิน ลาเดนนั้น เตรียมแผนสำหรับการจับเป็นไว้ด้วย แต่สถานการณ์เฉพาะหน้าทำให้รูปการณ์ออกมาอย่างที่ทั่วโลกได้รับทราบ และนำไปซึ่งการจบชีวิตบิน ลาเดน" นายคาร์นีย์ ระบุ



ไม่แจ้งปากีฯ-หวั่นข่าวรั่ว

ส่วนสาเหตุที่รัฐบาลสหรัฐไม่แจ้งต่อรัฐ บาลปากีสถาน ถึงแผนบุกฆ่าบิน ลาเดน ทางการสหรัฐชี้แจงว่า เพราะกลัวว่าข้อมูลอาจรั่วไหล โดยนายลีออน ปาเน็ตตา ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง สหรัฐ หรือ "ซีไอเอ" ระบุเพิ่มเติมว่า สหรัฐตัดสินใจช่วงก่อนปฏิบัติการแล้วว่า การแจ้งข่าวใดๆ ให้กับรัฐ บาลปากีสถาน อาจทำให้บิน ลาเดน รู้ตัวก่อน และอันตรายจะตกอยู่กับทีมปฏิบัติการ

สำหรับสถานการณ์ล่าสุดในเมืองอับบอตตาบัด ตำรวจปากีสถานต้องระดมกำลังกว่า 300 นายเข้ารักษาการณ์เซฟเฮาส์ดังกล่าวของนายโอบามา เพื่อความปลอดภัย และกันไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่



ฆ่าต่อหน้า"ลูกสาว"

สำนักข่าวบีบีซีแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ไอเอสไอ หน่วยข่าวกรองปากีสถาน เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุ มีคนอยู่ในเซฟเฮาส์ ประมาณ 17-18 คน และในจุดสังหารบิน ลาเดน เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น มีลูกสาววัย 12 ปีของบิน ลาเดน อยู่ด้วย จึงเห็นภาพวินาทีพ่อถูกยิงตายต่อหน้าต่อตา โดยลูกสาวคนนี้เกิดกับนางอามาล อัล-ซาดาห์ วัย 27 ปี หญิงชาวเยเมนซึ่งแต่งงานกับบิน ลาเดน สมัยมีอายุเพียง 17 ปี และขณะเกิดเหตุนางอามาลบาดเจ็บถูกยิงที่ขา

ว่อนเน็ต - ภาพตัดต่อศพบิน ลาเดน ถูกเผยแพร่ว่อนเน็ตไปทั่วโลก ส่วนรูปเล็ก นางอามาล อัล-ซาดาห์ ภรรยาบิน ลาเดน ซึ่งอยู่ในเหตุ การณ์จับตาย โดยตนเองถูกยิงที่ขาบาดเจ็บด้วย ตามข่าว


บุตรสาวบิน ลาเดน ระบุด้วยว่า บุตรชายอีกคนของบิน ลาเดน ซึ่งถูกสังหารในเซฟเฮาส์ก็ถูกทางเจ้าหน้าที่สหรัฐห่อศพนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปด้วย พร้อมกับศพพ่อ

รายงานข่าวจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือ "เพนตากอน" เผยกับบีบีซีว่า ตอนแรกทีมจู่โจมมีแผนนำคนในครอบครัวบิน ลาเดน ออกมาทั้งหมด แต่ต้องล้มเลิกเพราะเฮลิคอป เตอร์ตก 1 ลำ จึงต้องเปลี่ยนแผน และว่า เจ้าหน้าที่ภาคสนามได้นำเอาข้อมูลทั้งหมดจากที่หลบซ่อนดังกล่าว เช่น ฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ สมุดบันทึกต่างๆ กลับไปวิเคราะห์ โดยสหรัฐใช้ทีมงานพิเศษกว่า 100 คน เพื่อจัดการกับข้อมูลที่ได้มาครั้งนี้



"ลาเดน"มอบกระต่ายให้เด็ก

บีบีซีรายงานด้วยว่า รัฐบาลและกองทัพปากีสถานถูกตั้งคำถามหนักขึ้นว่า เหตุใดถึงไม่รู้ว่า บิน ลาเดน อาศัยอยู่ในบ้านใกล้ๆ กับเขตฐานทัพในเมืองอับบอตตาบัดนานถึง 6 ปี โดยไม่มีใครรับรู้ ถึงขนาดที่ว่าเด็กชายซาราร์ อาห์เหม็ด วัย 12 ปี ชาวบ้านในเมืองนี้เคยเข้าไปพบบิน ลาเดนได้

เด็กชายอาห์เหม็ด อ้างว่า บิน ลาเดน มีภรรยา 2 คน คนหนึ่งพูดภาษาอารบิก อีกคนพูดภาษาอูรดู ครอบครัวนี้มีลูกเป็นเด็ก 3 คน ผู้หญิงหนึ่งคน ผู้ชายสองคน ซึ่งบิน ลาเดน ยังเคยให้กระต่ายสองตัวกับตนด้วย

สำหรับบ้านหลังดังกล่าวของบิน ลาเดน ติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้ตรวจดูความเคลื่อน ไหวคนด้านนอก ชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง ระบุว่า หากมีเด็กๆ ไปเล่นคริกเก็ตแถวนั้น แล้วลูกโด่งข้ามเข้าไปในรั้วบ้าน คนในบ้านจะไม่อนุญาตให้เข้าไปเก็บ แต่จะให้เงินค่าลูกคริกเก็ตแทน ลูกละ 60-90 บาท



รอทำเนียบขาวโชว์ภาพ"ศพ"

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า นายลีออน ปาเน็ตตา ผอ.ซีไอเอ ระบุว่า อำนาจเปิดเผยภาพถ่ายศพบิน ลาเดน ขึ้นอยู่กับทำเนียบขาว และว่า นายอัยมาน อัล-ซาวาฮีรี แกนนำหมายเลข 2 อัลไคด้า กลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ แทนที่บิน ลาเดน แล้ว และจะเป็นเป้าหมายการไล่ล่าต่อไป

ด้านนายเจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ภาพหลังการเสียชีวิตของบิน ลาเดน เป็นภาพน่าสยดสยองยิ่ง และอาจเป็นชนวนความรุนแรงขยายวงกว้างในหมู่ผู้ที่ไม่พอใจรัฐบาลสหรัฐ

"เรากำลังทบทวนสถานการณ์จัดการเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ และเสาะหาวิธีที่ดีที่สุด" คาร์ นีย์ กล่าวและว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังหารือถึงแนวทางในการเปิดเผยภาพถ่ายวาระสุดท้ายของบิน ลาเดน

n มะกันคิดต่าง-ทรมานนักโทษ

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ สิ่งพิมพ์ชั้นนำของสหรัฐ รายงานว่า แม้ปฏิบัติการเด็ดชีพบิน ลาเดน จะประสบความสำเร็จ แต่ขณะเดียวกันก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการใช้วิธีทรมานนักโทษ หรือผู้ต้องสงสัยในคดีก่อการร้ายว่าเหมาะสมถูกต้องตามหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่ ถึงแม้ในที่สุดการใช้วิธี "วอเทอร์บอร์ด" เค้นข้อมูลจากนายคาลิด ชีก โมฮัมเหม็ด แกนนำอัลไคด้าและนักโทษคดีก่อการร้ายในคุกกวนตานาโม จะทำให้ทางการสหรัฐรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสถานะบางประการของบุคคลที่เป็นคนนำสารของบิน ลาเดน กระทั่งนำมาสู่ภารกิจลอบสังหาร

เริ่มแล้ว - ชาวอิรักจับกลุ่มยืนดูซาก"คาร์บอมบ์"ที่ใช้วางระเบิดสังหารชาวเมืองแบกแดด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 25 คน นับเป็นการก่อร้ายที่เริ่มขึ้นหลังบิน ลาเดน ถูกสหรัฐสังหาร



ทั้งนี้ วิธีวอเทอร์บอร์ด ทำโดยการจับตัวนักโทษนอนลงบนแผ่นกระดาน แล้วปรับส่วนหัวทิ่มลงมาที่พื้น ยกส่วนขาขึ้น จากนั้นเอาน้ำเทราดใส่หน้านักโทษเพื่อทำให้รู้สึกเหมือนกับกำลังถูกกดน้ำตาย และมีรายงานว่านายโมฮัมเหม็ดต้องผ่านการเค้นข้อมูลด้วยวิธีนี้ถึง 183 ครั้ง และไม่ได้ให้ข้อมูลคนนำสารบิน ลาเดน ที่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การควานหาตัวคนนำสารจนเจอนั้นเป็นเพราะปฏิบัติการของหน่วยซีไอเอในพื้นที่



ชี้ฆ่า"ลาเดน"ละเมิดกฎหมาย

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดอะซัน ประเทศอังกฤษ ตั้งข้อสังเกตว่า บิน ลาเดน ไม่มีอาวุธขณะถูกสังหาร เหมือนกับประชาชนผู้เสียชีวิตที่ตึกแฝดเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ในสหรัฐ ซึ่งไม่มีใครมีอาวุธเหมือนกัน

นายเฮลมุต ชมิดต์ อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมันตะวันตก ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เยอรมัน ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการละเมิดกฎหมายสากลอย่างร้ายแรง

ด้านนายจอฟฟรีย์ โรเบิร์ตสัน นักกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนประจำกรุงลอนดอน ประ เทศอังกฤษ กล่าวว่า ภารกิจครั้งนี้เปรียบได้กับการลอบสังหารเลือดเย็น



อิหม่ามขู่แขวนคอ"โอบามา"

อิสราเอล นิวส์ รายงานว่า อิหม่ามแห่งมัสยิด อัล อักซา หรือ อัล อักซอ ในกรุงเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอล ออกมาประณามรัฐบาลสหรัฐอย่างรุนแรง ถึงขั้นเรียกว่า "พวกสุนัขตะวันตก" และเรียกร้องให้โลกมุสลิมแก้แค้นให้กับการตายของนายบิน ลาเดน โดยกล่าวว่า "สุนัขตะวันตกกำลังยินดีปรีดาขนาดใหญ่ที่สังหารหนึ่งในราชสีห์มุสลิมได้สำเร็จ แต่สุนัขก็ยังเป็นสุนัขวันยังค่ำ ส่วนราชสีห์ แม้ตายแล้วก็ยังคงเป็นราชสีห์" และว่า "บารัก โอบามาสังหารชาวมุสลิม จงรู้ไว้ว่าไม่ช้าก็เร็ว จะต้องถูกจับแขวนคอไว้เคียงข้างกับจอร์จ บุช จูเนียร์"



"ซอฟต์ทาร์เก็ต"เป้าล้างแค้น

สำนักข่าวซีบีเอส รายงานว่า นายจูวัล อาวีฟ ผู้เชี่ยวชาญยุทธศาสตร์ต่อต้านก่อการร้าย ให้สัมภาษณ์ว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่กลุ่มก่อการร้ายจะลงมือแก้แค้นแทนบิน ลาเดน อย่างไรก็ตาม เป้าหมายการวินาศกรรมจะไม่ซับซ้อนหรือใหญ่โตเช่นเดียวกับเหตุ 11 กันยาฯ 2544 แต่สถานที่ประเภท "ซอฟต์ทาร์เก็ต" จะตกเป็นเป้าถูกโจมตีเพิ่มมากขึ้น อาทิ โรงแรม ห้างสรรพสินค้า สนามกีฬา พิพิธภัณฑ์ ศาสนสถาน หรือระบบขนส่งมวลชนที่มีคนใช้บริการหนาแน่น เพราะสถานที่เหล่านี้วางแผนก่อ วินาศกรรมได้ง่าย คนร้ายเพียงแค่ต้องการสังหารประชาชนให้มากที่สุดเท่านั้น

"ในอนาคตการตั้งจุดตรวจความปลอดภัยตามซอฟต์ทาร์เก็ตดังกล่าว จะกลายเป็นสิ่งที่พบเห็นโดยทั่วไป" อาวีฟ กล่าว



ปากีฯยังอาลัยผู้นำอัลไคด้า

เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ประท้วงชาวปากีสถานนับร้อยคน รวมตัวกันที่เมืองมุลตัน ประเทศปากีสถาน เผาธงชาติสหรัฐเพื่อประณามการสังหารผู้นำกลุ่มอัลไคด้า หลังจากที่เมื่อวาน ชาวปากีสถานในเมืองเควตตาเพิ่งรวมตัวไว้อาลัยแก่บิน ลาเดน ด้วยเช่นเดียวกัน

ขณะที่ประเทศอิรัก เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ขึ้นกลางกรุงแบกแดด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16 ราย บาดเจ็บนับสิบ โดยสถานที่เกิดเหตุเป็นร้านกาแฟที่มีคนอยู่ภายในจำนวนมาก ทั้งหมดกำลังรับชมถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล ถือเป็นเหตุการณ์ก่อการร้ายรุนแรงครั้งแรกในอิรัก นับจากการเสียชีวิตของบิน ลาเดน



ลูกแฉจับ"ลาเดน"ได้แล้วแต่ยิงทิ้ง

สำนักข่าวอัล อาราบิยา สื่ออาหรับ อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของปากีสถาน รายงานว่า คนที่อยู่ในบ้านของบิน ลาเดน ไม่ได้ยิงตอบโต้ใส่ฝ่ายทหารสหรัฐแม้แต่นัดเดียว และเหตุที่เฮลิคอปเตอร์สหรัฐตก เพราะเครื่องยนต์เกิดขัดข้องเอง ภายหลังปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐดังกล่าว ญาติบิน ลาเดน ที่รอดมาได้ รวมถึงเด็ก 6 คน และภรรยา 1 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเมืองรวัลพินดี

นอกจากนั้น ลูกสาววัย 12 ปี ที่เห็นนาทีสังหารบิน ลาเดน ให้การกับเจ้าหน้าที่ปากีสถานด้วยว่า ในตอนแรกบิดาถูกจับเป็น แต่ต่อมาก็ถูกทหารสหรัฐยิงตายต่อหน้าต่อตาคนในครอบครัว โดยกระสุนนัดหนึ่งเจาะเข้าเหนือตาซ้ายอย่างแม่นยำ

อัล อาราบิยา ชี้ว่า ที่ผ่านมา ทำเนียบขาวหรือรัฐบาลสหรัฐให้ข้อมูลการเสียชีวิตของบิน ลาเดน กลับไปกลับมาหลายประเด็น อาทิ ครั้งแรกแถลงว่า นายบิน ลาเดน มีอาวุธปืนอาก้าและยิงต่อสู้กับทหารสหรัฐ แต่ต่อมาแถลงแก้ว่านายบิน ลาเดน ไม่มีอาวุธ แต่ขัดขืนจึงต้องยิง



ตร.เชียงใหม่คุมเข้ม"กงสุลสหรัฐ"

การเตรียมพร้อมรับมือเหตุก่อการร้ายที่อาจเกิดขึ้นในประเทศไทย พล.ต.ต.สมศักดิ์ จันทะ พิงค์ ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในส่วนของเชียงใหม่ วันนี้ตนเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับ ผู้กำกับทุกโรงพักในจังหวัดเชียงใหม่เข้าประชุม เพื่อสั่งการให้แต่ละโรงพักป้องกันดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญ เช่น สถานที่กงสุล, แหล่งธุรกิจที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก และสถานที่รับซื้อของเก่า สถานที่เชื่อมตบแต่งเหล็ก อะไรต่างๆ รวมทั้งโรงงานพลุ-ดินปืนในจังหวัดเชียงใหม่

พล.ต.ต.สมศักดิ์ ระบุว่า มีนโยบายเน้นให้ตำรวจท้องที่ดูแลสถานกงสุลต่างๆ ในเชียงใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกงสุลสหรัฐอเมริกา รวมทั้งบ้านพักเจ้าหน้าที่กงสุลสหรัฐ ด้วย และให้ตำรวจผลัดเปลี่ยนเวรยามดูแลจุดสำคัญแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมทั้งสนามบินเชียงใหม่ ประสานกับรปภ.จุดนั้นๆ และให้ตรวจเข้มร้านขายของเก่าว่ามีการทำ หรือ ดัดแปลงวัตถุต้องสงสัยอะไรบ้าง

"สำหรับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เราฝึกซ้อมรอง รับการจี้ตัวประกัน การเข้าเผชิญก่อการร้ายในรูปแบบต่างๆ การเผชิญฝูงชนไว้ก่อนหน้าแล้ว คิดว่าจังหวัดเชียงใหม่คงไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องของการก่อการร้าย" พล.ต.ต.สมศักดิ์ กล่าว