ผู้เขียน หัวข้อ: ไอไออีหนุนพยาบาลเรียนภาษาอัปเกรดวิชาชีพ  (อ่าน 2459 ครั้ง)

ออฟไลน์ vt

  • medtech ปี เอก
  • ******
  • กระทู้: 530
    • อีเมล์


ไอไออี หนุนพยาบาลเร่งเรียนภาษา และสอบไอเอสพีเอ็น ยกระดับวิชาชีพสู่สากล เชื่อหากไทยต้องการเป็นเมดิคัลฮับ ควรเร่งพัฒนาทักษะภาษา
       
       วันนี้ (10 พ.ค.) ที่โรงแรมเซนทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิร์ล กทม.มีการจัดเสวนาเรื่อง “การยกระดับการพัฒนาวิชาชีพพยาบาลในประเทศไทย” โดยมีหน่วยงานต่างจากของสถาบันการศึกษานานาชาติ ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือไอไออี (The Southeast Asian Office of the Institute of The International Education: IIE) คณะกรรมาธิการผู้จบการศึกษาจากสถาบันด้านการพยาบาลในต่างประเทศ หรือ ซีจีเอฟเอ็นเอส อินเตอร์เนชันแนล (The Commission on Graduate for Foreign Nursing School : CGFNS International ) และตัวแทนจากมหาวิทยาลัยการพยาบาล สภาการพยาบาล เข้าร่วมการเสวนาด้วย
       
       โดย ดร.ชลินทร เอ็น เบอเรียน ผู้อำนวยการไอไออี กล่าวว่า ในการจัดเสวนาครั้งนี้เป็นการสรุปรวมสถานการณ์ของการศึกษาด้านพยาบาลของไทย และการระดมความคิดเห็น เพื่อนำไปพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาพยาบาลสู่ระดับสากลมากขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะภาษาแก่พยาบาลวิชาชีพทั่วไปและพยาบาลเฉพาะทาง ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยมีชาวต่างชาติเข้ามารับบริการสาธารณสุขมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยว เหตุเพราะเมืองไทยมีศักยภาพในการบริการที่ดี โดยเฉพาะสถานพยาบาลเอกชนนั้น นับว่ามีการแข่งขันเรื่องการพัฒนาศักยภาพอย่างมาก ผ่านการเข้าสอบในโครงการรับรองมาตรฐานระดับสากลสำหรับพยาบาลวิชาชีพ หรือไอเอสพีเอ็น (ISPN Exam)ซึ่งผู้ที่สามารถสอบผ่านจะได้ใบรับรองระดับนานาชาติ และสามารถเข้าศึกษาต่อและทำงานในต่างประเทศได้


ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต

       “ยิ่งในตอนนี้ เห็นว่า ไทยมีแนวโน้มจะพัฒนาด้านสาธารณสุขให้สู่ความเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ หรือ เมดิคัลฮับ หากเร่งพัฒนาศักยภาพการศึกษาพยาบาลในระดับสากลได้เร็วก็จะยิ่งดีต่อการผลิตพยาบาลเข้าสู่ระบบดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ถือว่าเป็นโอกาสในการเตรียมความพร้อม ที่เหมาะสม ก่อนที่จะเข้าสู่ระบบแบบเต็มตัว” ดร.ชลินทร กล่าว
       
       ด้านรศ.ดร.พวงรัตน์ บุญญานุรักษ์ รองอธิกาบดีรฝ่ายวิชาการ วิทยาลัยเซนต์หลุยส์ กทม.กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การพัฒนาด้านพยาบาลของประเทศไทยโดยรวมถือว่า มีศักยภาพในด้านความสามารถทางการพยาบาลไม่แพ้ชาติอื่น จัดอยู่ในอันตับต้นของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เหตุผลที่ยังมีบุคลากรน้อยอยู่อาจเพราะขาดการสนับสนุนและขาดแรงจูงใจ เชื่อว่ามาจาก 2 สาเหตุ คือ ยังไม่มีตำแหน่งรองรับแต่ในส่วนนี้เป็นหน้าที่ของทางภาครัฐบาลไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งอาจเพราะสถาบันการศึกษาไม่มีการส่งเสริมให้มีการยกระดับของผู้เรียน จึงทำให้ทางเลือกในการเติบโตของวิชาชีพนั้นเป็นไปได้ยาก ขณะที่ระบบสาธารณสุขทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ และต้องการพึ่งบุคลากรพยาบาลมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จำเป็นจะต้องเร่งพัฒนาทั้งทักษะวิชาชีพและทักษาภาษา ซึ่งไทยถือว่ายัง ตามหลังฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย และถ้าไม่เร่งพัฒนาก็อาจจะช้ากว่าพม่า แต่ยังดีที่ไทยได้เปรียบเรื่องทักษะ การพยาบาล และการบริการ จึงทำให้นานาชาติสนใจรับเข้าทำงาน
       
       รศ.ดร.พวงรัตน์ กล่าวต่อว่า เชื่อว่า หากประเทศไทยเร่งยกระดับการศึกษาพยาบาลสู่สากล หรือพัฒนาหลักสูตรพยาบาลศาสตร์การศึกษาสองภาษา หรือหลักสูตรนานาชาติให้มากขึ้น จะก่อเกิดประโยชน์อย่างมากทั้งตัวผู้เรียนและระบบสาธารณสุขของไทย โดยตัวผู้เรียนเองมีทั้งโอกาสก้าวหน้าในการเรียนพยาบาลมากขึ้น ได้รับค่าตอบแทนที่สูง ขณะที่หากมีการเพิ่มตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ และพยาบาลเฉพาะทางให้มากขึ้น ก็จะช่วยให้การกระจายตัวการให้บริการในระบบสาธารณสุขดีขึ้นด้วย ประชาชนผู้เข้ารับบริการก็จะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง และเท่าเทียมกันทั้งในสถานพยาบาลเอกชนและของรัฐ เนื่องจากขณะนี้ทุกประเทศทั้งที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนาต่างให้ความสำคัญกับระบบบริการสุขภาพ
       
       อนึ่ง จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า พยาบาลในประเทศไทยที่มีใบประกอบวิชาชีพของสมาคมพยาบาลรวมทั้งสิ้น 140,000 คน แต่มีผู้ประกอบวิชาชีพจริงเพียง 90,000 คน โดยปฏิบัติหน้าที่อยู่ สถานพยาบาลเอกชนของไทยและนานาชาติ 34,550 คน และอีก 55,450 คนทำงานในสถานพยาบาลของรัฐ