จับแล้วมือยิงแท็กซี่เสื้อแดง พร้อมเพื่อนหุ่นน้องช้าง ที่พาหลบหนีในวันเกิดเหตุ หลังเปิดศึกทะเลาะวิวาทแย่งที่ทำมาหากิน พบประวัติแท็กซี่ 2 กลุ่มเคยมีปัญหากันมาก่อน ตร.เตรียมเรียกหัวหน้ากลุ่มทั้ง 2 มาพูดคุยเพื่อยุติปัญหา
จากกรณีที่มีเหตุกลุ่มแท็กซี่ ยกพวกก่อเหตุทะเละวิวาทแย่งผู้โดยสาร ทางเข้ามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตบางนา (เอแบค) ม.4 ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน ได้รับบาดเจ็บ 1 คนนั้น
วันนี้ (2 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.นายไพรัช บุญเหลง หรือ นายหมึก อายุ27 ปี น้ำหนัก 250 กิโลกรัม อยู่บ้านเลขที่ 355/7 ม.1ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ หนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุ ได้เข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.ฐานุพงศ์ พรมสวัสดิ์กุล ผกก.สภ.บางบ่อ และให้การว่า เป็นคนพานายอาคม โพธิ์แก้ว และ นายไพบูรณ์ ตันสิงห์ หรือ นายจ่อย หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุเท่านั้น
ด้าน พ.ต.ท.วิโรจน์ ข้าวบ่อ รองผกก.สส.สภ.บางบ่อ พ.ต.ท.สุดใจ เหนือเกาะหวาย สวป.พร้อมกับตำรวจ สภ.แก่งหางแมว ได้ทำการจับจับกุมตัว นายไพบูรณ์ ตันสิงห์ หรือ นายจ่อย อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 202/225 ม.1 ต.บางเพรียง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ผู้ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง นายยอดธง เสียชีวิต ได้ที่ อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี พร้อมตรวจค้นรถแท็กซี่โตโยต้า สีชมพู ทะเบียน ทพ 3177 กทม.พบอาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ปืนลูกซองไทยประดิฐจำนวน 1 กระบอก ซุกซ่อนอยู่ใต้กระโปรงหน้ารถ
จาการสอบสวน นายไพบูรณ์ ให้การรับสารภาพว่า เห็น นายอาคม ทะเลาะกับนายยอดธง จึงจะเข้าไปช่วยแต่ นายยอดธง ได้ใช้มีดเข้ามาจะฟัน เลยใช้อาวุธปืนยิงป้องกันตัว จากนั้น นายหมึกขับรถมารับ ตนเองและนายอาคมไปส่งที่ จ.ฉะเชิงเทรา ระหว่างทางได้มีพวกของนายยอดธงขับรถมาปากหน้า นายอาคมจึงใช้อาวุธปืน ยิงใส่ จากนั้นได้เปลี่ยนรถขับหลบหนี และแยกกับนายอาคมที่ อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ก่อนที่ตำรวจจะเข้ามาจับกุม ตำรวจได้แจ้งห้อหา ร่วมกันพยายามฆ่าและฆ่าผู้อื่น พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไปในทางหมู่บ้าน
ด้าน พ.ต.อ.ฐานุพงศ์ พรมสวัสดิ์กุล ผกก.สภ.บางบ่อ กล่าวว่า เนื่องจากแท็กซี่ 2 กลุ่ม เคยมีเรื่องกันมาก่อน จึงมีการซุกซ่อนอาวุธเตรียมพร้อมเอาไว้ภายในรถ และเมื่อเกิดเหตุขึ้นต่างฝ่ายได้เรียกพวกของตัวเอง ผ่านทางวิทยุสื่อสารที่ติดอยู่ในรถแท็กซี่ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก ทาง สภ.บาบ่อ เคยร่วมกับทาง มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ทำประวัติแท็กซี่เหล่านี้ไว้บ้างแล้ว และมีการอบรมขอให้มีความสามัคคี ห้ามก่อเหตุอาชญากรรมใดๆ แต่ในขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มีการย้ายนักศึกษาจาก วิทยาเขตหัวหมาก มาเรียนที่ วิทยาเขตบางนานี้เพิ่มขึ้น ทำให้หอพักต่างๆ และแท็กซี่ก็เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากซอยดังกล่าวไม่มีรถบริการสาธารณะวิ่ง หลังเกิดเหตุดังกล่าว ทางตำรวจได้ทำการเรียก หัวหน้ากลุ่มแท็กซี่ทั้งหมด มาพูดคุยเพื่อยุติปัญหาต่อไป
